เมื่อคุณอยู่ที่ชิโมคิตาซาว่า คุณจะไม่พบปัญหาในการหาที่รับประทานอาหารแน่นอน ฉันประทับใจมากเมื่อไปแวะที่ร้านพาลาซโซ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากทางออกทิศใต้ของสถานีรถไฟ
เนื่องจากฉันกำลังมองหาร้านอาหารแนวร้านที่ลูกค้าชอบทานหลังเลิกงานและราคาไม่แพงกับเพื่อนๆในคืนวันศุกร์และฉันก็สะดุดตากับร้านพาลาซโซ่เมื่อฉันเห็นปลาและมันฝรั่งพลาสติกด้านร้านค้า
ฉันไม่ได้ทานเมนูปลาและมันฝรั่งมานานมากแล้ว ดังนั้น พวกเราจึงเข้าไปในร้านและหาที่นั่งใกล้ๆกับร้านอาหารสุดกว้าง
ผนังของร้านตกแต่งด้วยกระดานดำอันใหญ่และมีภาพศิลป์ประดับตกแต่งทั่วกำแพง นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์ที่กำลังเล่นเพลง “This Is It” ของไมเคิล แจ๊คสันซึ่งเป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Chili Peppers
พวกเราไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะสั่งอะไรทานดีเนื่องจากเมนูมีรายการอาหารเยอะมาก ดังนั้น พวกเราจึงตัดสินใจเลือกพิซซ่า มาการิต้า ข้าวทาโกรวมถึงปลาและมันฝรั่ง นอกจากนี้ พวกเราสั่งไวน์หนึ่งแก้วและเบียร์ซึ่งราคา 1200 เยนต่อหนึ่งขวด
ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านสไตล์ “สั่งที่เคาน์เตอร์และหยิบเครื่องใช้และซอสด้วยตนเอง” แต่เมื่อพวกเราลืมหยิบเครื่องใช้ พนักงานที่ร้านก็ยังคงหยิบให้เราด้วยความยินดีและพวกเขาก็เดาได้ว่าพวกเราต้องการทาบาสโคเช่นกัน
อาหารมาถึงเร็วมากและพวกเราจึงรับประทานอย่างรวดเร็ว
พิซซ่าที่นี่บางเป็นพิเศษและกรอบ ปรุงด้วยซอส เนยแข็งและใบโหระพาที่กระจายทั่วหน้าพิซซ่า
ข้าวทาโกเป็นเมนูจานเด็ดที่เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย เนื้อวัว มะเขือเทศและผักกาดหอมพร้อมด้วยซัลซ่า
เมนูปลาและมันฝรั่งใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ มันฝรั่งบางแทนที่จะหนาและสั้น ปลาก็ทอดอย่างไร้ที่ติโดยราดด้วยซอยทาร์ทาร์
ร้านอาหารนี้ดูเหมือนจะมีคนเยอะในตอนกลางคืน ขณะที่พวกเรากำลังทานอาหารอยู่ ผู้คนเริ่มทยอยเข้าร้านอย่างช้าๆโดยมีกลุ่มหนุ่มสาวเพียงไม่กี่กลุ่ม
ฉันรู้สึกประประหลาดใจมากที่พบสถานที่มีถูกและมีชีวิตชีวาใกล้กับสถานีซึ่งมีอาหารอร่อยในราคาที่สมเหตุสมผลและฉันจะต้องกลับมาทานที่ร้านอีกครั้งอย่างแน่นอน