โม โม พาราไดซ์ (Mo Mo Paradise) ร้านบุฟเฟต์ชื่อดังในเมืองไทย ที่ขายทั้งบุฟเฟต์แบบสุกกี้ยากี้และในรูปแบบ ชาบู ชาบู มีทั้งเนื้อ หมู และผักต่างๆเติมได้ไม่อั้น (All-you-can-eat) ตลอดระยะเวลาที่ลูกค้านั่งอยู่ในร้าน
หลายคนเห็นชื่อแล้วเชื่อว่าคงมีไม่น้อยที่จะหน้าแหย จะแนะนำทำไม ที่เมืองไทยก็มี แต่ที่ผมอยากแนะนำเพราะผมลองมาทานแล้วรู้สึกว่ารสชาติน้ำซุปและเนื้อของร้านนี้ในญี่ปุ่น มีรสชาติอร่อยกว่าที่เมืองไทยครับ
ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 8 ของตึก Humax Pavilion ในย่านคาบูกิโจ สถานี Shinjuku ให้เดินเข้ามาจากปากซอยที่มีป้ายสีแดงของย่านจนเจออาคารแล้วขึ้นลิฟต์ตรงมายังชั้น 8 ก็จะพบกับร้าน ร้านแห่งนี้เป็นสาขาแรกและสาขาใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1993 ร้านตกแต่งในโทนสีน้ำตาล ใช้ไฟสีเหลืองค่อนข้างสลัว สร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้กับลูกค้าที่นั่งภายในร้าน มีที่นั่งอยู่เป็นจำนวนมากเกือบ 200 โต๊ะ มีโซนแบ่งสำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้าทัวร์ที่มาลง (ทัวร์ไทยส่วนใหญ่ก็ชอบพาลูกทัวร์มารับประทานชาบูที่ร้านแห่งนี้)
ราคาบุฟเฟต์จะมีอยู่ 2 แบบ คือ 120 นาที ราคา 2,484 เยน สำหรับน้ำซุปแบบเดียว 2,700 เยน น้ำซุปสองแบบ และแบบ 90 นาที ราคา 1,944 เยน น้ำซุปแบบเดียว 2,160 เยน สำหรับน้ำซุปสองแบบ ราคาทั้งหมดรวมภาษีแล้ว หากใครเลือกแบบ 120 นาทีจะพิเศษตรงที่มีหมูบดใส่กระบอกไม้ไผ่ ข้าว เส้นอุด้ง และไอศกรีม ฟรีด้วย
น้ำซุปของร้านมีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ คือ ชาบูชาบูน้ำใส, สุกี้ยากี้, น้าซุปนมใส่คอลลาเจน และน้ำซุปกิมจิ (สองอย่างหลังเมืองไทยไม่มี) เนื้อหมูของร้านนี้จะไม่เหมือนกับเมืองไทยที่ใช้เนื้อหมูคุโรบุตะ ที่นี่จะใช้เนื้อหมูของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกเลี้ยงอย่างดีในฟาร์มที่จังหวัดชิบะ และเนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ส่วนผักก็ใช้ผักที่ปลูกจากสวนภายในประเทศ
แต่ราคาที่พูดถึงยังไม่รวมราคาค่าน้ำ สำหรับคนอยากประหยัด สามารถตักน้ำเปล่าได้ฟรี ส่วนใครอยากดื่มน้ำแบบอื่นๆ เช่น โคล่า น้ำผลไม้ ชา กาแฟ แบบไม่อั้น สามารถทำได้โดยเพิ่มเงินอีกเพียง 302 เยน หรือ 410 เยน (ราคาอันหลังรวมเติมข้าวฟรีไม่อั้นด้วย) ที่ตรงกลางของร้านจะมีเคาน์เตอร์ Drink Bar อยู่ ถ้าจ่ายค่าน้ำเพิ่มแล้วจะตักน้ำอะไรดื่มก็ได้ สามารถดูเมนูอื่นๆของร้านได้ที่นี่
ใครที่กำลังหาร้านบุฟเฟต์ชาบู ใจกลางเมืองโตเกียว ร้านแห่งนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ยิ่งถ้าได้ชิมเนื้อวัวกับเนื้อหมูหั่นบางๆลวกผ่านน้ำและจิ้มน้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้านที่นี่แล้วรับรองว่าต้องติดใจจนลืมไม่ลงแน่นอนครับ
ปล. คำว่า Mo Mo ที่อยู่หน้าชื่อของร้านนี้มาจากเสียงร้องของวัวที่ร้องมอมอครับ (ก็เค้าชูจุดขายว่าเนื้อวัวอร่อยนี่นา)