คุณเคยมีช่วงเวลาที่ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ แล้วพบกับสิ่งที่งดงามที่สุดที่พาลทำให้หัวใจพองโตไหมครับ?
ช่วงเวลานั้นของผมคือตอนที่ไปเดินเขาผ่านพุ่มไม้เขียวขจีในหน้าร้อน แล้วเจอกับคู่แต่งงานในชุดกิโมโนยืนเคียงคู่กันอยู่หน้าศาลเจ้า ความงามที่ตัดกันของธรรมชาติกับสิ่งที่มนุษย์รังสรรค์ขึ้นนั้นช่างงดงามจริงๆ ดังเช่นวลีเด็ดของ Donald Keene ในหนังสือ “Introducing Kyoto” ที่ว่า ช่วงเวลาอันงดงามมักโผล่มาในตอนที่คุณไม่ได้คาดคิด เช่นเดียวกับช่วงเวลาของเขาที่วัดไรออนจิแห่งนี้ ผู้คนที่แวะมาเยี่ยมเยือนเริ่มทะยอยออกไป เหลือเพียงความเงียบงันท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างในยามค่ำคืน เงาจันทร์สาดส่องไปที่สวนหิน เขาแอบเข้ามาแม้สวนจะปิดแล้ว เป็นโชคชะตาหรือความบังเอิญก็ไม่มีใครรู้ เขาพบกับหญิงชราใจดีคนหนึ่ง เธออาจเป็นภรรยาของพระที่ดูแลวัดแห่งนี้ เธอแบ่งชาอุ่นๆให้เขา และรื่นรมย์กับบรรยากาศในสวนหินที่เงียบสงบนี้ด้วยกัน
ผมว่าสมัยนี้เราคงไม่สามารถแอบย่องเข้าไปในสวนหินตอนมืดค่ำได้อีกแล้วล่ะ แต่ความงดงามเหมือนครั้งวันวานยังคงอยู่ เนื้อหินที่เรียบมนกับการเรียงสลับซับซ้อนของหินแต่ละก้อน ช่างเป็นความสวยงามที่ลงตัว ดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศให้มาชื่นชม ที่นี่มีคนแวะเวียนมามากมาย แต่ละคนต่างมาซึมซับและค้นหาอะไรบางอย่าง ในยามบ่ายวันอาทิตย์ จะเห็นผู้คนมานั่งๆเงียบในสวนแห่งนี้มากมาย คุณและคนอีกมากมายอาจมาที่สวนหินแห่งนี้เพียงลำพัง แต่ความเงียบสงบของสวนหินนี้ จะทำให้คุณและพวกเขาออกไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกัน
สวนหินในญี่ปุ่นมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 นอกจากนี้ คุณอาจแวะร้านไรออนจิ ยูโดะฟูยะ ซื้อชาและชุดยูโดะฟูยะโทฟู ราคาราว 3300 เยน มานั่งจิบในสวนหินก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนะครับ