คนไทยหลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ยินหรือสงสัยว่า “เทศกาล Lucky Bag” คืออะไร แต่ถ้านำคำถามนี้ไปถามชาวญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คงไม่มีชาวญี่ปุ่นคนไหนไม่รู้จักเทศกาลที่สร้างความตื่นตาตื่นใจอันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเฉลิมฉลองปีใหม่ของคนที่นี่อย่างแน่นอน
เทศกาลถุงโชคดี (Lucky Bag) หรือบ้างก็เรียกว่า ถุงแห่งความสุข (Happy Bag) นี้เป็นเทศกาลที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นเคยมานาน โดยมีชื่อเรียกภาษาญี่ปุ่นว่า 福袋 (fukubukuro) แปลว่า ถุงแห่งโชค จัดขึ้นทุกๆวันที่ 1 – 3 มกราคมของทุกปี เพื่อเป็นการต้อนรับเทศกาลปีใหม่ โดยที่บรรดาร้านค้า, Shop แบรนด์ดัง และห้างต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่นจะนำสินค้าของตัวเองมารวบกันใส่ถุงขายในราคาพิเศษที่ต่ำกว่ามูลค่าของสินค้าที่บรรจุ ซึ่งภายในถุงจะมีสินค้ามูลค่าสูงกว่าราคาถุงที่ซื้อตั้งแต่ 30 – 80% ถุงนึงจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันเยนจนถึงแสนเยนขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าและแบรนด์ (ส่วนใหญ่แสนเยนจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์) โดยที่ผู้ซื้อไม่สามารถรู้ได้ว่าของข้างในเป็นอะไรต้องลุ้นเอาเองหลังจากซื้อมาแล้ว ผู้เขียนจึงคิดว่ามันน่าจะเรียกว่า “ถุงวัดดวง” น่าจะตื่นเต้นมากกว่า
เทศกาลถุงโชคดี มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ว่าเทศกาลปีใหม่ เป็นการเริ่มต้นที่ดีของชีวิตก็ควรซื้อของใหม่มาใช้ แถมยังได้ซื้อในราคาพิเศษและยังได้ลุ้นอีกต่างหากว่าของในถุงจะเป็นอะไร นอกจากนี้ยังถือเป็นกลยุทธ์การตลาดแบบหนึ่งที่ร้านค้าสามารถนำสินค้าที่ค้างสต็อคออกมาขายให้หมดเพื่อลงสินค้าล็อตใหม่ในซี่ซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ในบทความนี้ผู้เขียนขอแนะนำศูนย์รวมแหล่งช็อปปิ้งที่เป็นสีสันของเหล่านักช็อปใจกลางเมืองซัปโปโรที่ก็เข้าร่วมกับเทศกาลนี้เหมือนกัน นั่นคือ “ห้างสรรพสินค้าบริเวณสถานีรถไฟ JR Sapporo” ที่นี่มีช็อปสินค้าแบรนด์ดังหลากหลายร้าน โดยมีห้างสรรพสินค้าชื่อดัง อาทิเช่น Daimaru, PASEO, ESTA หรือโซนช็อปปิ้งใต้ดินที่มีสัญลักษณ์เป็นโดมแก้วโผล่ขึ้นมา อย่าง Stella Place และ APIA ที่มีร้านค้าย่อยอยู่เป็นจำนวนมาก (ดูภาพแผนที่ประกอบ) ข้อดีของการช็อปที่นี่คือห้างทุกห้างจะอยู่ติดกันทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางมากนัก
คนญี่ปุ่นซึ่งถือได้ว่าเป็นชาติที่มีความอดทนในการต่อคิวสูง(มากกกก)ก็จะต่างพากันมานั่งรอ ยืนรอ บางคนก็มานอนรอข้ามคืนข้ามวันกันเลย พอวันที่ 1 มกราคม บรรดาร้านค้าต่างๆก็จะพาเหรดนำถุงสินค้ามาวางไว้หน้าร้านให้ลูกค้าที่มารอได้จับจ่ายและลุ้นระลึกกันสุดๆ เพราะแต่ละถุงก็จะมีสินค้าแตกต่างกันไป ลูกค้าจะไม่สามารถรู้ได้ว่าในถุงจะมีอะไรอยู่บ้างจนกว่าจะคิดเงินและเปิดออกมาดู ส่วนใหญ่ร้านต่างๆจะจำกัดไม่ให้ซื้อเกินคนละ 1 ถุง ถ้าอยากซื้อเพิ่มก็ต้องไปต่อคิวใหม่ ซึ่งกว่าจะต่อคิวใหม่ กว่าจะได้ซื้อใหม่ บางทีของก็หมดแล้ว ผู้เขียนจึงอยากแนะนำว่าควรจะลิสต์แบรนด์ในดวงใจและมาต่อคิวรอกันตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อไม่พลาดของดีที่มีเวลาจำกัดแบบนี้
แบรนด์ดังที่ได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นเองและนักท่องเที่ยวชาวไทย เช่น เครื่องสำอาง SK-II, KOSE, SHISEIDO, REVLON ซึ่งในหนึ่งถุงก็จะมีน้ำหอม ครีม โฟม แป้งต่างๆมากมาย ราคาประมาณ 10,500 เยน ถือว่าคุ้มค่ามากกับราคาที่จ่ายไปกับของที่ได้มาเกินราคามาเยอะโข หรือจะเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Design Tshirts Store Graniph, Nike, Adidas ส่วนใหญ่เสื้อผ้าจะแยกประเภทผู้ชาย/ผู้หญิง และไซต์มาแล้ว แต่ลายก็ขึ้นอยู่กับดวงว่าจะได้ถุงใด หรือร้านขวัญใจคุณหนูๆอย่าง Disney Store ก็ร่วมกับเทศกาลนี้เหมือนกัน หนึ่งถุงราคาอยู่ที่ 3,000 เยน ผู้เขียนซื้อมาแล้วของข้างในได้เป็นตุ๊กตา Mickey Mouse สีฟ้าหนึ่งตัว ตัวนี้ก็ตกอยู่ที่ 2,000 กว่าเยนแล้วและยังมีอุปกรณ์เครื่องเขียนเหล่าตัวการ์ตูนอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าสาวกดิสนีย์เห็นแล้วต้องขอซื้อเพิ่มอีกหนึ่งถุงอย่างแน่นอน และร้าน STARBUCKS ก็ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย มีให้เลือกเป็นกระเป๋าถุงผ้า 2 สี คือ สีดำราคา 5,000 เยน และสีขาวราคา 3,000 เยน ไม่ถึง 1 ชั่วโมงของก็หมดภายในชั่วพริบตา
แต่แบรนด์ที่ถือได้ว่าเป็นที่กล่าวขานและทุกคนต่างตั้งตารอคอยมากที่สุดนั่นคือ “Apple” บางคนถึงขนาดมารอล่วงหน้าเป็นสัปดาห์เลยก็มี ซึ่งที่นี่จะจัดอุปกรณ์ต่างๆมาไว้ในกระเป๋าเป้สีดำ ตกราคาใบละ 33,000 เยน ข้างในกระเป๋าถ้าใครโชคดีก็อาจจะได้ Macbook Pro หรือ iPad แต่ถ้าไม่ได้ก็มีสินค้า accessories ต่างๆ รับรองว่าคุ้มค่ากับการรอคอยอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงเรียกได้ว่าเทศกาล Lucky Bag ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันของการต้อนรับปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น สำหรับใครที่มาญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลแห่งการเริ่มต้นสิ่งดีๆแบบนี้ ก็อย่าลืมหอบหิ้วถุงแห่งความโชคดีกลับไปบ้างสักถุงสองถุงนะคะ :)
