ประมาณหนึ่งชั่วโมงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียว มีสถานที่ลับอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ ใหญ่ยักษ์เลยล่ะ สูงประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบเมตรเห็นจะได้ เจ็ดปีหลังจากสร้างเสร็จในค.ศ. 1995 ก็ได้กลายเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และปัจจุบันก็ยังติดในสามอันดับสูงสุดอยู่ ท่ามกลางชนบทเกษตรกรรมของอิบารากิ พระพูทธรูปองค์นี้ตั้งตระหง่านสูงเหนือต้นไม้ เหนือเสาสูง เหนือทุก ๆ สิ่ง แต่ทว่าคนจำนวนมากในญี่ปุ่นกลับยังไม่เคยรู้จัก นี่คืออุชิคุ ไดบัตสุ พระพุทธรูปของพระอมิตาภพุทธะ เป็นยักษ์ใหญ่ที่อ่อนน้อมโดยแท้จริง
เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นอะไรที่ชวนตะลึงอ้าปากค้าง ผมเดินมาจากอามิ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ตที่อยุ่แถวนั้นซึ่งก็สามารถมองเห็นพระพุทธรูปสูงอยุ่เหนือยอดไม้แล้ว พอยิ่งเข้าใกล้ขนาดก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ผมเลี้ยวผิดแล้วเดินหลงไปตรงแรวต้นไม้ของจัตุรัสกว่าจะไปถึง แต่เพราะหลงก็เลยไปเจอเข้ากับสุสานที่ทำให้ผมปลงอะไรบางอย่างได้ และทำให้ผมได้เห็นพระพุทธรุปจากทุกทุททองเลยด้วย แม้ในยามบ่ายสุดอบอ้าวของฤดูร้อน ความสงบในท่วงท่าและสีหน้าของพระพุทธรูปก็ทำให้ใจเริ่มเย้นลง ทั้งสูงตระหง่านและเงียบสงบอยู่เด่นเป็นสง่าในบริเวณนั้น เสียงเพียงอย่างเดียวคือเสียงเครื่องบินจากสนามบินนาริตะ กับเสียงระฆังเป็นครั้งคราวจากสวนที่ไดบัตสุตั้งอยู่
พอมาถึงทางเข้าผมก็จ่ายค่าผ่านประตูแล้วเดินผ่านย่านซุ้มขายของเล็ก ๆ แล้วไปตีระฆังที่อยู่ข้างซุ้มประตู ผมใช้เวลาชมระหว่างทางที่เดินไปยังพระพุทธรูปเป็นทางเดินหินเรียบ ๆ ที่มีสวนตั้งอยู่ใกล้กัน ระฆังใหญ่ และบ่อปลาคาร์พ สามารถซื้ออาหารปลาถุงละ 100 เยนแล้วดูผืนน้ำกระเพื่อมยามเมื่อปลาคาร์พผึุดขึ้นมาแย่งอาหารกัน โดยที่ตลอดเวลาพระพุทธรูปยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น แผ่ร่มเงายาวที่ให้ความรู้สึกเย็นสงบ
ผมอ้อมมาที่ทางเข้าพระพุทธรูป และพอเข้ามาแล้วก็พลันได้พบกับความรู้สึกใหม่ ห้องแรกที่เข้ามานั้นมืด และผมได้ยินเสียงภาษาญี่ปุ่นที่คิดว่าน่าจะกำลังอธิบายเรื่องประวัติความเป้นมาของพระพุทธรุปหรือเกี่ยวกับธรรมชาติอยู่ ถัดไปอีกห้องหนึ่งเป็นห้องที่เล็กกว่า มีองคืพระพุทธรุปสีสดใสนำเข้าไปสู่พื้นที่โล่งที่มีแสงไฟสีอ่อนกับดนตรีทำสมาธิ ซึ่งเป็นห้องที่ทำให้ผมรู้สึกสงบ พอขึ้นมาชั้นบนก็เจอกับงานแสดงศิลปะ ประติมากรรม ภาพถ่าย เกี่ยวกับประวัติและการสร้างพระพุทธรุป รวมไปถึงส่วนเท้าจำลอง ที่แค่นั้นก็ยาวสองเมตรแล้ว
ผมขึ้นลิฟต์จากตรงนี้ไปขั้นห้า ที่สูงเหนือพื้นดิน 85 เมตร ที่คุณสามารถมองผ่านบานหน้าต่างเล็กลงไปเห็นสวนกับบริเวณชนบทโดย ถ้าในวันอากาศสดใสก็สามารถมองเห็นโตเกียว สกายทรีผ่านหน้าต่างทิศใต้ได้ แต่วันที่ผมไปผมก็มองลงไปทางด้านล่างที่พาไปสู่ซุ้มประตูและพระพุทธรูป กับคนตัวเล็กเท่ามดด้านล่าง พอเดินลงไปชั้นสี่ก็เจอร้านขายของที่ระลึก กับพุทธวัตถุอย่างเครื่องหอมและรูปปั้น
พอลงลิฟตืกลับไป ชั้นสามก็แปลกตาไปอีก วิหารดอกบัว ที่นี่เป้นสีทองอยู่รอบตัวไปหมด บนเพดานจดพื้นของกำแพงมีรูปพระพุทธรุป 3300 รูปเกิดเป็นบรรยากาศสว่างสดใส ด้วยความอบอุ่นที่ติดตัวผมก็เดินลงไปยังชั้นสองแล้วพบกับพื้นที่โล่งกว้างอีก มีแสงสว่างและตกแต่งอย่างอ่อน ๆ ให้ผมได้พักสักครุ่ก่อนออกไปเผชิญแสงอาทิตย์
สองสามวันผ่านไป ผมยังตื่นเต้นที่ได้ไปมาไม่หาย จากหลายที่ ๆ ผมเคยไปมาในญี่ปุ่น ที่นี่เป็นหนึ่งในที่ผมชอบมากที่สุด ทั้งเรียบง่าย เปี่ยมวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทั้งน่าประทับใจจนบรรยายได้ไม่หมดเหมือนดังพระพุทธรุปที่สุงถึง 120 เมตร เพราะสามารถเดินทางไปได้สะดวกมากจากโตเกียว อุชิคุ ไดบัตสุจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม