มนต์ขลังที่ศาลเจ้าคะสึกะ ไทฉะ

หลงไหลเสน่ห์ซึริ-โดะโระ ที่นารา

ภาพโคมไฟกว่า 1000 อัน แขวนลดหลั่นกันไปตามชายคา และตลอดระเบียงทางเดินของศาลเจ้าคะสึกะ ไทฉะ (Kasuga Taisha) เป็นภาพที่งดงามเหมือนมีมนต์ขลัง ในขณะที่ฉันยืนอยู่ท่ามกลางโคมไฟแขวนเหล่านั้น ฉันหลับตาฝัน

...จะเป็นอย่างไรหนอ ถ้าฉันก้าวเท้าไปในจุดๆ หนึ่ง

จุดที่ผ่านไปอีกมิติหนึ่ง ..ไปในห้วงแห่งอดีต…

ย้อนเวลาไปในสมัยที่โคมไฟเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ยามค่ำคืนคงจะจุดไฟสว่าง วิบๆ วับๆ เมื่อลมพัดไหว โคมไฟเหล่านี้แกว่งไกวไปตามสายลม เสียงสวดมนต์แผ่วเบา เคล้ากับเสียงนกกลางคืนกระพือปีกบิน

การมาเที่ยวชมศาลเจ้าคะสึกะ ไทฉะ แห่งเมืองนาราของฉันครั้งนี้ เป็นครั้งที่สอง ห่างจากครั้งแรกถึง 27 ปี ไม่ว่าวันเวลาจะเลื่อนไหลไปนานเท่าใด แต่ทุกอย่างยังคงดูเหมือนกับว่าเวลาได้หยุดที่หลายร้อยปีก่อน เวลาแห่งห้วงอดีตที่ผู้คนยังจุดโคมไฟ

ซึริ-โดะโระ (Tsuri-doro) โคมไฟแขวนขนาดเล็ก ได้แพร่หลายเข้ามาในญี่ปุ่นจากประเทศจีนโดยผ่านมาทางประเทศเกาหลี ตั้งแต่ในยุคสมัยนารา เริ่มแรกได้นำมาใช้ในพระราชวังอิมพีเรียล ซึริ-โดะโระ ปรกติจะมีรูปร่างสี่เหลี่ยมหรือหกเหลี่ยม และทำด้วยเหล็ก ทองแดง หรือไม้

ซึริ-โดะโระของศาลเจ้าคะสึกะ ไทฉะ จะมีรูปทรงคล้ายๆ กัน แต่จะมีลวดลายที่ละเอียดอ่อนช้อยแตกต่างกันออกไป และเป็นลวดลายที่เป็นแบบฉบับของที่นี่โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จะทำด้วยทองแดงซึ่งจะเปลี่ยนสีจากสีทองแดงมาเป็นสีเขียวตามการเวลา เป็นสีที่ฉันคิดว่าสวยขรึมเข้ากับบรรยากาศเก่าๆ รอบศาลเจ้า ซึริ-โดะโระทั้งหมดได้มาจากการบริจาคของผู้คนตั้งแต่เจ้าเมือง นักรบ ซามูไร พ่อค้า ไปจนถึงชาวบ้าน การบูชาด้วยแสงสว่างนี้ชาวญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมามาพร้อมกับพุทธศาสนาจากอินเดีย และได้กลายมาเป็นประเพณีที่สำคัญของญี่ปุ่น ในปัจจุบันก็ยังคงมีการบริจาคโคมไฟให้แก่วัดและศาลเจ้า เพื่ออุทิศให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต

ในสมัยโบราณนักบวชชินโตจะจุดซึริ-โดะโระ เหล่านี้ทุกวัน แต่ในปัจจุบันโคมไฟทุกอันรวมทั้งโคมไฟหินจะมีไฟสว่างไสวปีละสองครั้งเท่านั้น คือในงานเทศกาลมันโทะโระ (Mantoro) ซึ่งจะมีขึ้นคือในวันที่ 3 ของเดือนกุมภาพันธ์ และวันที่ 14-15 ของเดือนสิงหาคม ในช่วงเวลา 18:30-21:00 น. ประเพณีนี้ได้มีสืบต่อกันมาเป็นเวลาถึง 800 ปี ในคืนงานเทศกาลนั้นไฟฟ้าทุกดวงจะดับหมด จะไม่มีแสงสว่างจากแหล่งอื่นใด นอกจากแสงไฟจากโคมไฟแขวน 1,000 อัน และโคมไฟหินอีก 2,000 อัน คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่าในคืนนั้นแสงไฟจะช่วยส่องทางให้แก่บรรพบุรุษที่จะกลับมายังโลกมนุษย์ เพื่อมาเยี่ยมญาติที่ยังมีชีวิตอยู่

ถึงแม้ในขณะที่ฉันเดินชมอยู่ที่นั่นจะเป็นเวลากลางวัน และไม่มีแสงไฟจากโคมไฟ ฉันยังสัมผัสได้ถึงมนต์ขลัง ความสงบเงียบล้ำลึกในใจ ท่ามกลางผู้คนมากมาย

0
0
บทความนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
ช่วยเราพัฒนาเว็ปไซต์ JapanTravel.com
ให้คำติชมหรือข้อเสนอแนะ

แสดงความคิดเห็น

Thank you for your support!

Your feedback has been sent.