วัดโทไดจิ หรือที่รู้จักกันดีในนามของวัดหลวงพ่อโตแห่งนาระ เป็นวัดใหญ่และสำคัญที่สุดของสมัยนาระ สร้างในปี ค.ศ. 743 รัชสมัยของพระจักรพรรดิโชมุ เมื่อพระองค์ทรงประกาศเป็นพุทธมามกะให้ยกฐานะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพื่อปกป้องประเทศและสร้างบันดาลความสุขให้แก่ประชาชน มีการสร้างวัดพุทธทั่วประเทศ โดยมีวัดโตไดจิเป็นศูนย์กลาง โดยมีแรงงานจากประชาชน ร่วมกันกับทางการสร้างอุทิศถวายในการเฉลิมฉลองพระเกียรติยศในการปฎิรูปบ้านการเมือง ศาสนาภัยจากแผ่นดินไหว และการขจัดโรคภัยไข้ทรพิษที่ระบาดเมื่อปี ค.ศ.737 ลงได้
ลักษณะกระบวนแบบของวัดนี้เป็นแบบจีนโดยตรง เป็นวัดพุทธศาสนา นิกายเคงอน หรือปุษปมาลา ซึ่งเป็นนิกายใหม่ที่นำมาจากจีน โดยพระภิษุชาวจีน ภายในวัดมีองค์พระพุทธรูปพระพุทธเจ้ามหาไวยโรจนะ เป็นประธานของวัด เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้าแห่งสากลจักรวาล เหนือพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตามพระคัมภีร์อวตัมสกสูตรหรือเคงอนเกียวของพระพุทธศาสนานิกายเคงอน โดยเริ่มพร้อมกับการสร้างวัดโทไดจิของพระจักรพรรดิโชติหล่อด้วยด้วยโลหะสำริด มีโลหะทองแดงเป็นส่วนใหญ่ รูปแบบขององค์พระพุทธรูป นำแบบอย่างมาจากพระพุทธปฎิมาสมัยราชวงศ์ถัง
การก่อสร้างอาคารในวัดล้วนเป็นแบบจีน มีการใช้กระเบื้องมุงหลังคา เสาทาสีแดง พื้นปูลาดด้วยแผ่นหิน เปลี่ยนจากพระเจดีย์เป็นศูนย์กลางวัดแบบฮะกุโฮของวัดโฮริวจิ มาเป็นพระมหาวิหารทองเป็นศูนย์กลางแทน มีพระเจดีย์เจ็ดชั้นแตกต่างไปจากวัดโฮริวจิ พระมหาวิหารทองซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปมหาไวยโรจนะที่มีขนาดใหญ่มหึมา จึงต้องสร้างอย่างใหญ่โตมากจนได้รับการยกย่องเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ภายในวิหารมีเสาต้นหนึ่ง เจาะเป็นช่อง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อไปเยือนมักจะลอดช่องดังกล่าวเพราะเชื่อว่า หากใครสามารถลอดได้ ก็จะถือเป็นการสะเดาะเคราะห์
วัดนี้ต่อมาได้รับความเสียหายและมีการบูรณะหลายครั้ง เช่น ค.ศ. 1180 ขุนศึกชิเงะฮิระของตระกูลไทระได้สู้รบกับกองทัพของตระกูลมินาโมโตะแห่งคามาคูระ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยเฉพาะพระเจดีย์ด้านทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก ครั้นเสร็จศึกตระกูลมินาโมโตะได้รับชัยชนะก็เข้ามาบูรณะ ต่อมาถูกเพลิงไหม้อีกในปี ค.ศ. 1567 จากฝีมือของขุนศึกโอดะ โนบุนางะ และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยเอโดะของตระกูลโตกูงาวะ ดังนั้น ลักษณะกระบวนแบบดั้งเดิมจึงเพี้ยนไปจากเดิม อาทิ พระมหาวิหารทองย่อให้เล็กลงกว่าเดิมถึง 2 ใน 3 แต่กระนั้นก็ยังคงเป็นอาคารไม้ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ดี
วัดนี้มีความสำคัญหลายประการ ประการแรกเป็นวัดประจำตำแหน่งควบคู่กับตำแหน่งพระจักรพรรดิ ต้องเสด็จมาประกอบพิธีเฉลิมฉลองด้วยพระองค์ทุกปี ประการต่อมาคือเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฎิมาโลหะขนาดใหญ่ของโลก และมีอาคารไม้หลังใหญ่ชื่อโชโสอิน ในอาณาเขตวัดได้รับการยกย่องในฐานะหอศิลปทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของวัดโทไดจินอกจากองค์หลวงพ่อโตและสถาปัตยกรรมที่งดงาม ใหญ่โตแล้ว ยังมีกวางอยู่ภายในวัดด้วย นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารกวางเหล่านี้ได้
การเดินทางมายังวัดโทไดจิ หากเดินมาจากสถานี Kintetsu Nara ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที ระหว่างทางก็มีรถประจำทางบริการด้วยเช่นกัน