ได้ยินเสียงร่ำลือมามากเกี่ยวกับ ถนนอะเมโยโกะ (ตั้งอยู่ถัดจาก สถานี อูเอโนะ Ueno JR Station) ผมจึงตัดสินใจจะไปดูและชมว่า ความคึกคักทั้งหมดนั้นมันคืออะไรกัน
เหมือนกับว่าหลุดออกมาจากชิวิตปกติธรรมดาๆ(ตามแบบโตเกียว) เหตุผลที่เป็นแบบนั้นเพราะว่า ตามถนนหนทางแคบๆ แถวที่เรียงรายของร้านขายผัก ผลไม้ เสื้อทีเชิ้ต เครื่องแต่งกาย และยังมีแม้กระทั่งร้านขายอาหารเรื่อยไปตามเส้นทาง ถ้ามีใครบางคนให้ผมดูภาพของสถานที่แบบนี้ ผมก็คงเดาไปว่า มันคงเป็นถนนในฮ่องกง หรือไม่ก็กรุงเทพอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของผมที่มาที่นี่ ไม่ใช่เพื่อมาซื้อผักและผลไม้ หรือ เสื้อสเวตเตอร์ทีมฟุตบอลของญี่ปุ่น หรือแม้แต่สบู่ซักก้อน แต่ผมมาเพื่อ ข้าวหน้าซาชิมิ(Donburi) ทำไมถึงเป็นแบบนั้นนะเหรอ เหตุเพราะ เพื่อนของผมที่เป็นชาวญี่ปุ่น บอกกับผมว่า ข้าวหน้าซาชิมิของที่นี้ ราคาถูกและคุ้มค่ากับเงินมากๆ ถึงอย่างนั้น ผมต้องขอสารภาพว่า ผมค่อนข้างจะวอกแวกไปบ้างกับ เคบับ (Kebab) ราคา 300 เยนที่ลดราคาอยู่ในขณะที่ผมกำลังเดินตรวจตราไปตามท้องถนน เพื่อค้นหาข้าวหน้าซาชิมิ ราคา 500 เยนอย่างยากลำบาก
หลังจากที่เดินมาได้ 5 นาที ผมก็พบมันจนได้! คุณห้ามพลาดที่นี่เลย เมนูถูกจัดเรียงอยู่ทั่วทั้งกำแพงร้าน บอกชนิดต่างๆของข้าวหน้าซาชิมิที่คุณจะเลือกทาน มีทั้งข้าวหน้าปลาทูน่า ข้าวหน้าปลาแซลมอน หรือแม้กระทั้งข้าวหน้าปลาไหล(Unagi) และอีกมากมาย
ทางที่ดีที่สุดหากว่าคุณไม่รู้ภาษาญุี่ปุ่น คุณก็แค่ชี้และสั่งสิ่งที่คุณอยากจะทาน และนั้นเป็นสิ่งที่ผมก็ทำเช่นกัน! กลายเป็นว่า เป็นทางเลือกอันยอดเยี่ยมที่สุด ผมรู้สึกพึงพอใจกับการตัดสินใจของผมมาก ที่เลือกข้าวหน้าซาชิมิชามนี้ มันมีปริมาณที่พอเหมาะ และในราคา 500 เยนมันคุ้มค่าอย่างยิ่ง
ผมจะแนะนำสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน สำหรับใครก็ตามที่มีงบอย่างจำกัด และอยากจะทดลองชิม ข้าวหน้าซาชิมิต่างๆ(Donburi) และถ้าหากคุณไม่รู้วิธีการกินมันละก็ ผมจะเป็นผู้สอนคุณเอง
1. อย่างแรกเมื่ออาหารที่สั่งมาถึง และชามข้าวก็อยู่ต่อหน้าคุณแล้ว หยิบขวดซอสถั่วเหลืองขึ้นมา(มีทั้งซอสแบบธรรมดากับอีกอันคือวาซาบิซอส ดังนั้นโปรดเลือกอย่างระมัดระวัง) และราดให้ทั่วทั่งชามข้าว
2. แล้วก็กิน
ฟังดูง่ายใช่ไหมล่ะ แต่นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะใส่ซอสลงไปในชามข้าว ถ้าไม่ทำแบบนั้น อาจจะได้รสชาติที่ไม่ดีเท่า และนั้นก็เป็นวิธีที่คนญี่ปุ่นกินข้าวหน้าซาชิมิ(Donburi)ของพวกเขา นักท่องเที่ยวที่มาสัมพัทธ์กับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่น ก็น่าจะทำแบบนี้เช่นกัน
