ตอนที่ไปพักโรงแรมอิมาบาริ ผมถามพนักงานโรงแรมว่าพอจะแนะนำมื้อค่ำอร่อยๆที่ไหนให้ผมได้บ้าง พนักงานดึงผมมาหน้าโรงแรมแล้วบอกว่า คุณเห็นแสงไฟสีเหลืองหน้าร้านนั้นไหม นั่นร้านอิซากาว่าเป็นร้านอาหารที่มีเมนูปลาดิบหรือซาซิมิ ผมชี้ไปบนเมนูที่มีชื่อร้านอิซากาย่าแต่เป็นอีกร้านหนึ่ง แล้วถามว่าถ้าผมจะไปร้านนี้ก็ได้ใช่ไหม พนักงานตอบผมว่า โอ้ว! นั้นมันร้านสาขาหนะ แต่ถ้าคุณไปร้านที่ผมแนะนำ ผมรับรองได้ว่าถ้าคุณไปกินที่นั่นก้อเท่ากับว่าคุณไม่ต้องไปกินที่สาขาไหนแล้ว
ตอนผมเข้าไปในร้านเหมือนว่าผมจะเป็นลูกค้ารายแรก พนักงานสาวๆที่นั่งดูทีวีอยู่ก็ผละจากรายการที่พวกเธอดูรีบกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับผม หลังจากส่งเมนูให้ พวกเธอถามผมว่าอ่านเมนูเข้าใจดีไหม ผมจึงบอกไปว่าขออาหารแบบที่งบไม่เกิน 2,000เยน พวกเธอถามผมว่าชอบกินปลาดิบไหม ผมตอบไปว่าผมทานได้ทุกอย่างผมชอบอาหารญี่ปุ่น ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเธอคำนวณราคาอาหารมื้อค่ำคืนนั้นของผม เริ่มจากสั่งสาเกมาอบอุ่นร่างกาย พวกเธอทำสีหน้าประหลาดใจ จนผมต้องบอกไปว่า พวกเธอสามารถคิดราคาแยกจากงบที่ผมบอกไปได้ พวกเธอเลยทำท่าโล่งใจ สาเกที่นี่มีรสชาติคล้ายกับอุเมนิชิกิเบียร์ท้องถิ่นจากเอหิเมะ
จากนั้นลูกค้าคนอื่นก็เริ่มทยอยเข้ามาในร้าน พวกเขาชวนผมคุย นั่นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
จานแรกของผม เป็นซาชิมิหั่นบางพร้อมด้วยปลาหมึก มันสดมากขอย้ำว่าสดมากจริงๆ เซ็ทอาหารของผมตกแต่งมาอย่างสวยงาม นอกจากซาซิมิปลาหมึกแล้ว ยังประกอบด้วยอาหารอื่นอีกหลากหลายที่เพิ่มรสชาติได้ดีจริงๆ
ผมทานโอกาซุที่เป็นเซ็ทเครื่องเคียงของซาซิมิ คือข้าวที่อุ่นให้ร้อนด้วยเทียนตลอดเวลาด้วยเทียนพร้อมด้วยซุบเต้าหู้ใส่เนื้อหมูสาหร่ายทะเล สาวๆพนักงานมองมาที่โต๊ะ ผมพอข้าวของผมหมดเธอก็ส่งสัญญาณให้แม่ครัวทำชุดข้าวกับซุบมาเพิ่ม ผมสามารถสั่งทากิโกมิโอฮาน นั่นก็คือข้าวหุงพร้อมกับสาหร่ายทะเลและรากผักได้ตลอด มื้ออาหารอาหารค่ำของผมมื้อนั้นถือว่าเป็นอาหารที่เสริมสุขภาพและสมดุลจริงๆ