ตั้งอยู่ในมุมที่เงียบสงบของเขตไซตะมะ เมืองเกียวดะมักจะถูกลืมจากนักท่องเที่ยว จนกระทั่งภาพยนตร์เกี่ยวกับปราสาทโนะโบะ-โนะ-ชิโระ (Nobo-no-shiro) ได้ออกฉายเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2012 ที่ผ่านมา ที่จริงแล้วเมืองเกียวดะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย รวมทั้งสวนโคะไดฮะสุ-โนะ-ซะโตะ (Kodaihasu-no-sato) ที่เต็มไปด้วยดอกบัวโบราณ
ในระหว่างการขุดสร้างอาคารในเขตชิบะ ได้มีการขุดพบเมล็ดบัว และได้มีการเพาะเมล็ดบัวนั้น แล้วนำมาปลูกในสวนที่เมืองเกียวดะ ดอกบัวนี้มีจำนวนกลีบน้อยกว่าดอกบัวทั่วไป และคล้ายคลึงกับดอกบัวที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เมล็ดพันธุ์ดอกบัวได้รับการตรวจสอบและยืนยันว่ามีอายุประมาณ 1,400-3,000 ปี
จากสวนเล็กๆ ได้ขยายใหญ่ขึ้นจนเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ และขณะนี้สวนโคะไดฮะสุ-โนะ-ซะโตะมีบัวมากกว่า 120,000 ต้น 42 สายพันธุ์ รวมทั้งพันธุ์โบราณ ดอกบัวจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมสวนคือช่วงเช้าเป็นเวลาที่ดอกบัวคลี่กลีบบานทีละกลีบ
ในบริเวณสวนจะมีหอสังเกตการณ์ และที่ชั้นแรกของหอสังเกตการณ์มีพิพิธภัณฑ์ดอกบัว แม้จะไม่มีภาษาอังกฤษกำกับ แต่สิ่งของที่นำมาแสดงหลายอย่างสามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเอง เช่นแสดงให้เห็นสภาพของรากบัวใต้ดิน และชนิดต่างๆของดอกบัว ฯลฯ ผู้ที่อ่านภาษาญี่ปุ่นได้ จะได้ความรู้มากมายเกี่ยวกับประวัติของพืชที่พิเศษนี้
ถ้าหากสระน้ำที่งดงามที่เต็มไปด้วยดอกบัวบานไม่เพียงพอ สวนโคะไดฮะสุ-โนะ-ซะโตะมีความลับที่จะเห็นได้โดยการเดินขึ้นหอสังเกตการณ์ไปเพียง 50 เมตร ไปยังชั้นบนสุด เมืองเกียวดะเป็นเมืองที่ราบลุ่มเต็มไปด้วยทุ่งนา และหนึ่งในทุ่งนานั้นได้กลายมาเป็นผ้าใบศิลปะขนาดยักษ์ มีการปลูกข้าวหลายๆ พันธุ์ ที่มีสีแตกต่างกัน ปลูกด้วยมือในฤดูใบไม้ผลิ ตามรูปที่กำหนดไว้ในทุ่งนา เมื่อข้าวเติบโตขึ้นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจก็เผยโฉม คนญี่ปุ่นเรียกว่าศิลปะแบบนี้ว่า ศิลปะทามโบะ (tambo) ผู้เข้าชมสามารถชมผลงานศิลปะนี้ได้ตั้งแต่ฤดูร้อนไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง
นอกจากหอสังเกตการณ์และพิพิธภัณฑ์แล้ว สวนโคะไดฮะสุ-โนะ-ซะโตะยังมี ร้านโอะมิยะเกะ (ของที่ระลึก) ที่มีร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เสริฟอุด้ง
และที่เมืองเกียวดะ อย่าลืมแวะชมสุสานฝังศพโบราณซะกิตะมะ (Sakitama) และปราสาทโอะชิ-โจะ (Oshi-jo)