ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอันเก่าแก่ได้อย่างลงตัว ในอดีตฉันเติบโตมาพร้อมกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ความเป็นญี่ปุ่นแทรกซึมอยู่ในทุกส่วนของความทรงจำในวัยเยาว์ของฉัน แม้แต่ในชีวิตการเดินทาง ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศแรกที่ฉันนึกถึงและใฝ่ฝันอยากจะไปเยือน ดังนั้นการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นจึงเปรียบเสมือนการเติมเต็มความฝันในวัยเยาว์ให้สมบูรณ์ เมื่อสองปีที่ผ่านมา ฉันมีโอกาสได้ไปเยือนญี่ปุ่น มีความทรงจำที่ดีมากมายเกิดขึ้นที่นั่น ทุกส่วนของความทรงจำยังคงตราตรึงอยู่ในใจของฉันอย่างไม่รู้ลืม แม้การไปญี่ปุ่นในครั้งนั้นจะจบลง แต่ฉันยังหาโอกาสในการไปเยือนญี่ปุ่นอยู่เสมอ หลังจากที่ฉันได้ไปร่วมงานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตนเอง วินเทอร์ 2014 ที่จัดขึ้นในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ฉันได้พบว่าสิ่งที่ดึงดูดใจฉันมากที่สุดจากงานครั้งนั้น ไม่ใช่บัตรเข้าชมสวนสนุกยูนิเวอร์แซลที่กำลังเปิดตัวเครื่องเล่นโซนใหม่โดยมีตัวละครเอกเป็นพ่อมดน้อยซึ่งฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้มานานนับสิบปีแต่เป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดลักษณะคล้ายนางฟ้าตัวน้อยกำลังแหวกว่ายส่องสว่างในทะเลสีน้ำเงินเข้ม แม้ว่ารายละเอียดของมันจะอยู่ในแผ่นพับภาษาญี่ปุ่นที่ฉันอ่านไม่ออกก็ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจของมันลดลง สิ่งมีชีวิตประหลาดนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม Clione limacina, Sea angel หรือ คลีโอเน่ นางฟ้าแห่งทะเลเหนือ หนึ่งในสัญลักษณ์ของฮอกไกโด โดยเราสามารถพบนางฟ้าน้อยได้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหลายที่ในฮอกไกโด แต่ที่นิยม คือ พิพิธภัณฑ์น้ำแข็งโอค็อตสก์ (Okhotsk Sea Ice Museum of Hokkaido) ณ เมืองมอนเบ็ทสึ เดินทางจากสนามบินโอค็อตสก์ มอนเบ็ทสึ โดยรถบัสเพียง 10 นาที และพิพิธภัณฑ์โอค็อตสก์ริว-เฮียว (Okhotsk Ryu-hyo Museum) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาเท็นโตะ ณ เมืองอะบาชิริ เดินทางจากสถานีอะบาชิริ โดยรถบัสเพียง 15 นาทีเท่านั้น แต่หากมาไม่ถึงฮอกไกโด เราก็สามารถชมคลีโอเน่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ณ เมืองโอซาก้าได้เช่นกัน ทันทีที่ฉันเห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยเหล่านี้ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังยืนท่ามกลางดวงดาวนับร้อยที่กำลังส่องสว่างในกาแล็กซีสีน้ำเงินราวกับได้อยู่ในเพลง Lost stars ของ Adam Levine อย่างไรอย่างนั้น หากมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นอีกครั้ง ฉันต้องหาโอกาสไปเยือนฮอกไกโดเพื่อยลโฉมนางฟ้าแห่งทะเลเหนือพร้อมกับร้องเพลงท่อนที่ว่า Are we all lost stars, trying to light up the dark? อย่างแน่นอน