ยังมีอะไรหลายอย่างที่มากกว่าการนั่งอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามฤดูใบไม้ผลิของโตเกียวและชมดอกซากุระบานเต็มที่พร้อมกับทานอาหารกล่องเบนโตะทีเตรียมมาอย่างดีในขณะที่คุยกับเพื่อน ๆ ด้วยต้นเชอร์รี่ที่หลากหลายที่ออกดอกไวบ้าง ช้าบ้างในฤดูกาล บวกกับพื้นที่โล่งกว้าง ทำให้ชินจูกุ เงียวเอนเป็นสถานที่อันอบอุ่นสำหรับการชมดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น
ที่ชินจูกุ เงียวเอนยังมีอะไรอีกหลายอย่าง ฤดูใบไม้ผลิเป็นจุดเริ่มต้นของดอกไม้หลากสีและซากุระฟูนุ่ม กับดอกกุหลาบสุดสวยและโมมิจสีจัดจ้านที่ทำให้ที่นี่สวยตลอดปี แม้ระทั่งในฟดูหนาวที่ใบไม้ร่วงหมดต้นและสนามหญ้าก้ไม่ได้เป็นสีเขียว แต่ก้ยังมีเสน่ห์ท่ามกลางความหนาวเย็น
ที่ใกล้กับประตูชินจูกุ (หนึ่งในสามทางเข้าอุทยาน) มีสวนต้รไม้เล็ก ๆ ที่เรียกว่าป่าแม่และลูก ลองไปเดินชมดูได้ไม่ว่าคุณจะเป็นแม่ที่พาลูกมาหรือไม่ เพราะที่นี่มีทางเดินซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างดีที่จะพาคุณเดินผ่านบรรยากาศสีเขียวสุดสวย ที่แปลกสุดคือรากต้นไซปรัสที่ขดออกมานอกพื้นดินเหมือนหัวเข่าตะปุ่มตะป่ำ
เมื่อไปต่อยังบริเวณหลักก็จะพบกับสวนญี่ปุ่นขนานแท้สุดงดงามที่มีทั้งสระน้ำ สะพาน และโรงน้ำชาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ตรงนี้จะมีที่ว่างให้นั่งบนหญ้าและผ่อนคลายพร้อมกับชมความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสวนแห่งนี้ อย่าลืมดูปลาคาร์พยักษืในบ่อด้วย! ไปที่ยอดเนินห่างจากสวนญี่ปุ่นก็จะเจอกับสวนอังกฤษ ซึ่งเป็นพื้นที่สนามหญ้าขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นซากุระ ที่สุดทางคือสวนฝรั่งเศสซึ่งจะสวยเป้นพิเศษในฤดูร้อนเมื่อดอกกุหลาบผลิบาน
ชินจูกุ เงียวเอนมีกฏเหมือนกับสวนและสวนสาธารณะแห่งอื่นของโตเกียว คือห้ามเล่นกีฬาบอลทุกประเภท และห้ามเปิดเพลงเสียงดัง แล้วก็ยังเป้นสวนที่ปลอดแอลกอฮอล์ด้วย ทำให้แม้ว่าคนจะมาเยอะ แต่บรรยากาศก็ยังสงบกว่าที่สวนสาธารณะอูเอโนะอยู่ดี และค่าเข้า 200 เยนก็ทำให้ทุกอย่างของที่นี่ก็ได้รับการดูแลให้มีความเรียบร้อยและสะอาดอยู่เสมอ
คุณสามารถเดินชมบรรยากาศอันผ่อนคลายที่ชินจูกุ เงียวเอนได้เป็นชั่วโมง ๆ ถ้าจะเที่ยวให้คุ้มทั้งวันก็ไปต่อที่ศาลเจ้าเมจิ จุดชมวิวในที่ทำการคณะบริหารมหานครโตเกียว และสำรวจชุมทางรถไฟที่สถานีชินจูกุ ดูด้วย ซึ่งจะทำให้เห็นภาพที่ตัดกันชัดเจนระหว่างความสงบแบบอดีตกับความวุ่นวายของยุคปัจจุบันซึ่งเป็นลักษณะเด่นของมหานครที่ชื่อว่าโตเกียว