ความสนุกอย่างหนึ่งของการไปเที่ยวฮอกไกโดคือทำให้ฉันได้พบกับอีกด้านหนึ่งของดินแดนญี่ปุ่น ในทุก ๆ หนแห่งไม่ว่าจะเป็นนิเซโกะ อุทยานแห่งชาติอะคัน ออนเซนเกายูหรือเนมูโระ มีแต่เรื่องที่ทำให้มีความสุขอย่างไม่ทันคาดคิดในแทบจะทุกวัน นอกจากจะมีความเซอร์ไพรส์และสิ่งแปลกใหม่เป็นเหมือนรางวัลแล้ว ก็ยังมีเรื่องของความคุ้นเคยและโหยหาอดีตให้พูดถึงด้วย
หลังจากขึ้นรถบัสประจำเมืองที่โอทารุแล้ว ฉันก็เดินทางต่อไปยังย่านชูคุตสึในเมือง แล้งลงจากรถที่ประมาณสองสามป้ายก่อนจะถึงสุดสายที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เป้าหมายของฉันคือวิลล่าอาโอยามะเก่าและโรงแรมคิฮินคัง ฉันเดินตัดเข้าย่านหมู่บ้านของที่นี่แล้วขึ้นเนินเจอกับเด็ก ๆ ที่ขี่จักรยานแล่นฉิวผ่านไปพร้อมกับตะโกน "สวัสดี!" ไล่หลังมาพร้อมกับหัวเราะคิกคักตลอดทางลงเนินกลับบ้าน ฉันมาถึงที่วิลล่าอาโอยามะเก่าแล้วก็ได้แต่ยิ้มเพราะสิ่งปลูกสร้างที่เห็นนั้นทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลุกความทรงจำสมัยที่ฉันมาญี่ปุ่นครั้งแรก พอฉันมาถึงก็ตะโกนขึ้นในใจเลยว่า "ใช่! นี่แหละญี่ปุ่นของแท้!" ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ในฮอกไกโดแม้ว่าจะมีความสุขในหลาย ๆ อย่าง แต่มันก็ช่างแตกต่างไปจากญี่ปุ่นที่ฉันตกหลุมรักเป็นครั้งแรก ต้องขอบคุณที่วิลล่าแห่งนี้สามารถย้อนเอาบรรยากาศของมุมหนึ่งในประเทศที่ฉันชอบมากที่สุดกลับคืนมาได้อีกครั้ง
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อุตสาหกรรมการจับปลาเฮอร์ริ่งของโอทารุมาถึงยุคเฟื่องฟู อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วง "ตื่นทอง" ของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เมื่อไหร่ที่ปลาถูกจับโยนขึ้นเรือ เมื่อนั้นหมายถึงเหล่าตระกูลที่รวยล้นฟ้าสามารถครอบครองและสร้างคฤหาสน์ที่หรูหราฟู่ฟ่าได้ ในโอทารุเองก็มีตัวอย่างให้เห็นคือตระกูลอาโอยามะ
ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1971 และได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นบ้านพักที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ มาซาเอะ ลูกสาวของโทเมกิชิกับ มาซากิชิ อาโอยามะที่ตอนนั้นมีอายุ 17 ปี ได้รับแรงบันดาลใจจากการไปเยี่ยมชมคฤหาสน์ตระกูลฮอมมะที่ซากาตะ (ฮอนชูเหนือ) และตั้งเป้าหมายจะสร้างวิลล่าที่คล้ายกันโดยจะเน้นไปที่ความเป็นงานศิลป์ ซึ่งก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณพ่อของเธอ
ที่นี่ทุ่มทุนสร้างแบบไม่อั้นและตึกหลังใหญ่ก็เต็มไปด้วยงานอักษรวิจิตรแบบดั้งเดิม ภาพเขียนญี่ปุ่น งานไม้ขั้นสูง และกระเบื้องมุงหลังคาทำด้วยมือที่แถวนั้นไม่ค่อยมี
การเดินทางไปเยือนอันแสนจะอบอุ่นของฉันที่วิลล่าได้การต้อนรับจากน้ำใจที่งดงามกับการพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วจากยูโกะ ซาโตะ ประธานของคิฮินคังและลูกสาวชื่ออายามิ แล้วก็ปรากฏว่าจากการไปพบยูโกะและอายามินั้นได้ปลุกอีกหนึ่งความทรงจำของฉันตอนมาที่ญี่ปุ่นครั้งแรกของฉัน นั่นคือความมีน้ำใจและความเป็นมิตรของชาวญี่ปุ่น
วิลล่าแห่งนี้ใช้เวลาเดินทางเพียง 25 นาทีโดยรถบัส (210 เยน) จากสถานีโอทารุ ค่าเข้าชมราคา 1000 เยนและสำหรับใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงสำหรับการชมในตัวตึกและสวนที่อยู่ภายนอก