นั่งรถไฟสองตู้เล็กๆ วิ่งผ่านชนบทในยามบ่ายที่เงียบสงบ มองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ ชมวิวทุ่งสีเขียวขจีที่ไปจรดแนวภูเขาในระยะไกล ทอดสายตามองขึ้นไปเหนือภูเขาสู่ท้องฟ้าสีฟ้าใส ซึ่งจะมีประกายเจิดจ้าขึ้นในขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงในช่วงเวลาแห่งแสงสีทอง นี่คือทัศนียภาพของชนบทญี่ปุ่น
หากการเดินทางอย่างช้าๆ ผ่านทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามคือ สิ่งที่คุณหลงไหลแล้วละก้อ รถไฟสายโคะอุมิ (Koumi) คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาด เส้นทางคดเคี้ยวที่มีระยะทางประมาณ 79 กิโลเมตร วิ่งจากจุดเริ่มต้นที่โคะโมะโระ (Komoro) ในนะกะโนะ (Nagano) ผ่านภูเขาน้อยใหญ่ไปสุดปลายทางที่สถานีโคะบุชิะวะ (Kobuchizawa) โฮะคุโตะ (Hokuto) ในยะมะนะชิ (Yamanashi) คุณจะได้รับรางวัลด้วยวิวทิวทัศน์ที่งามเลิศ
อย่าลืมถ่ายรูปในขณะที่รถไฟหยุดที่สถานีโนะเบะยะมะ (Nobeyama) ซึ่งเป็นสถานีที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานีรถไฟที่ตั้งอยู่บนที่ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น สูง 1345 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รถไฟสายนี้มีสถานีหยุด 31 สถานี และไม่มีรถด่วน ดังนั้นรถไฟจะหยุดบ่อยๆ และจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่ง
จบทริปของคุณด้วยการแวะไปที่ร้านอิทุทุยะ (井筒屋) ซึ่งเป็นร้านขายอุนะกิหรือปลาไหลย่าง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีโคะบุชิซะวะ ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่สมัยเมจิ ตกแต่งด้วยโต๊ะและเก้าอี้แอนทีคของยุโรบตอนเหนือ ทางร้านขายดีมาก ดังนั้นการบริการอาจจะช้าไปสักนิด แต่ภายในร้านมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างให้คุณชมในระหว่างรอ เนื้อปลาอันแสนชุ่มฉ่ำนั้นคุ้มค่าราคา 3500 เยน ต่อชุดอาหารมาก
หลังจากที่คุณทานอิ่มแล้ว ก็ให้มุ่งหน้ากลับไปยังสถานีโคะบุชิซะวะ แล้วขึ้นรถไฟสาย Chuo Limited Express กลับไปยังสถานีชินจูกุในโตเกียว ซึ่งจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง เป็นการเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสกับความงามของชนบทญี่ปุ่นอีกครั้ง ในขณะที่รถไฟพาคุณเดินทางผ่านภูเขา สวนผลไม้ และไร่องุ่น แล้วทัศนียภาพจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณเข้ามาใกล้เมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในขณะที่โตเกียวอาจจะนำเสนอภาพลักษณ์ของญี่ปุ่นต่อสายตาชาวโลก แต่ก็ไม่ได้นำเสนอภาพรวมของประเทศ ญี่ปุ่นแท้นั้นรอคุณอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลในชนบท อย่าลืมออกไปสัมผัส!
