โรงเตี๊ยมไทเซน-คาคุของตามาคูระ

โรงเตี๊ยมอายุ 100 ปี ติดกับวัดฮาเสะ คันนอน

บนข้างถนนสายหลักที่นำไปสู่วัดฮาเสะ คันนอนในคามาคูระคุณจะสะดุดตากับโรงเตี๊ยมเก่าแก่ที่มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแท้เต็ม ๆ อยุ่ทางฝั่งซ้ายมือ โรงเตี๊ยมแห่งนี้ชื่อว่าไทเซน-คาคุ  (對僊閣) แปลว่าตำหนักที่มีความหลังมากหลาย โณงเตี๊ยมแห่งนี้ได้อนุรักษ์ตึกแบบเก่าไว้อย่างละเอียดรอบคอบ คู่รักที่เป็นเจ้าของและคุมโรงเตี๊ยมนี้ด้วยตนเอง และการบริการอันจริงใจของทั้งคุ่ก็จะทำให้ประสบการณ์ที่คามาคูระประทับใจคุณไปนานแสนนาน

โรงเตี๊ยมไทเซน-คาคุ

เมื่อเปิดประตูกระจกเลื่อนที่ทางเข้าแล้วคุณจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในอดีตของญี่ปุ่นโบราณ มี่ล็อบบี้เล็กคุณจะเห็นแท่นบูชาแบบชินโตประจำบ้านเล็ก ๆ นาฬการุ่นคุณปู่เรือนใหญ่ หน้าต่างเลื่อนกระดาษแบบเซนและการตกแต่งอีกหลายอย่างที่ทำให้มีความเป็น "ญี่ปุ่น" สูงมาก พอถอดรองเท้าแล้วคุณจะถูกพาไปที่ห้องพักของคุณบนชั้นสอง ห้องพักทุกห้องค่อนข้างเรียบง่าย หน้าต่างกับประตูห้องเป็นแบบบานเลื่อนกระดาษ และพื้นก็ต้องปูด้วยเสื่อตาตามิ! ส่วนที่มุมห้องก็จะประดับด้วยการจัดดอกไม้หรือไม่ก็ภาพวาดญี่ปุ่น ห้องน้ำเป็นแบบกึ่งรวมและมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ให้ผู้เขาพักผลัดกันใช้ในช่วง 6:00 น. ถึง 22:00 น. บอกกับทางโรงแรมว่าคืนนั้นคุณอยากอาบน้ำช่วงไหน! ก่อนจะลงอ่างอย่าลืมล้างตัวให้สะอาดก่อน ในห้องน้ำจะมีแชมพู ครีมนวดผม และสบู่จัดเตรียมไว้ให้ พอคุณกลับมาที่ห้องก้จะเห็นว่าฟูกถูกปูเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว อาหารเช้าเสิรืฟระหว่าง 7:30 น. ถึง 9:00 น. เมื่อไหร่ที่จะไปกินก็เรียกพนักงานมาเก็บที่นอน หลังจากนั้นจะมีมื้อเช้าแบบญี่ปุ่นมาวางอยู่เต็มก่อนที่คุณจะทันถึงโต๊ะด้วยซ้ำ ตอนเรามาพักก็ได้กินมื้อเช้าเป็นปลาย่าง สาหร่าย ไข่หวาน ซุปมิโสะ ข้าว และกีวี่หั่น

ประวัติของไทเซน-คาคุ

จากคำบอกเล่าของซาเอโกะ ซูซูกิผู้เป็นเจ้าของไทเซน-คาคุนั้น โรงเตี๊ยมแห่งนี้สร้างขึ้นในปลายสมัยเมจิ (ราว ๆ ค.ศ. 1880) ไว้สำหรับเหล่าขุนนางที่มาพักผ่อนช่วงฤดูร้อนในคามาคูระ สมัยนั้นคามาคูระค่อนข้างขึ้นชื่อจากการเป็นบ้านพักฤดูร้อนสำหรับพวกร่ำรวยและชนชั้นสูง ราชวงศ์จักรพรรดิยังชื่นชอบการมาอยู่ที่ฮาเสะ-ไดบัตสุในฤดูร้อนทุกปีด้วย สตรีสาวชื่อคาคุผู้อยู่อาศัยใกล้กับไดบัตสุ (พระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่) เป็นแม่ครัวฝีมือยอดเยี่ยม และวันหนึ่งก็ได้รับคำสั่งให้ทำอาหารถวาย นางมีประสาทการรับรสชั้นยอดและทำอาหารถวายประจำฤดูร้อนทุกปี หลังผ่านไปหลายปี จากการจากไปอย่างกะทันหันของพี่ชายทำให้นางได้ครอบครองมรดกของบิดามารดาอันเป้นโรงเตี๊ยมหลังไดบัตสุต่อ นางดำเนินกิจการโรงเตี๊ยม ทำอาหารถวายราชวงศ์ช่วงฤดูร้อน ส่วนอีกสามฤดูที่เหลือก้ทำอาหารให้กับหล่านักเดินทาง

ในปี 1887 มีการเปิดสถานีฟูจิซาว่า (อีกหลายปีถึงจะมีการสร้างสถานีคามาคูระขึ้น) และมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมายังคามาคูระด้วยรถไฟ ช่วยให้กิจการของคาคุเติบโตอย่างรวดเร้วจนนางสร้างอาคารใหม่ขึ้นซึ่งอยู่ที่ตำแหน่งปัจจุบันตรงด้านหน้าวัดฮาเสะ คันนอนเลย ที่ตั้งแห่งใหม่นี้เหมาะแก่การเปิดโรงเตี๊ยมมากกว่าเดิม

คาคุไม่มีลูกสักคน เธอจึงอุปการะลูกสาวของพี่ชายที่จากไป เด็กหญิงคนนั้นชือวากะที่เป็นแม่ครัวมากพรสวรรค์เช่นเดียวกัน หล่อนเติบโตมาและแต่งงานกับผู้ชาย มีลูกด้วยกันสี่คน หนึ่งในนั้นคือคุณซูซูกิ (สามีของซาเอโกะ) เจ้าของโรงเตี๊ยมคนปัจจุบันที่รับช่วงกิจการต่อจากคาคุผู้เป็นแม่ของเขานั่นเอง

เรื่องน่าประทับใจ

คู่รักเจ้าของโรงเตี๊ยมตอนนี้อายุ 80 กลาง ๆ กันแล้ว แต่ก็ยังกระฉับกระเฉงร่าเริงอยู่ ทั้งคุ่ดูจะมีความสุขกับการเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมนี้ แต่ว่ามีแขกมาพักเพียงอาทิตย์ละไม่กี่คนเท่านั้น คุณนายซูซูกิได้เล่าเรื่องราวของครอบครัวจากสวิตเซอร์แลนดที่มาพักที่นี่สองสามคืนเมื่อ 32 ปีที่แล้วให้ฉันฟัง เด็กหญิงที่อายุน้อยที่สุดในครอบครัวเป็นวัย 4 ขวบ หลายปีให้หลังเธอก็กลับมายังโรงเตี๊ยมแห่งนี้และโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง คุณนายซูซูกิจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือเด็กคนนั้นที่โตขึ้นแล้ว เธอยังเรียกชื่อของผู้หญิงคนนั้นออกมาได้ถูกด้วย-นินะ!

โรงแรมน้อยใหญ่ส่วนมากในญี่ปุ่นมักจะทันสมัยและมีบริการมาตรฐานครบวงจร ซึ่งก้ดีสำหรับนักเดินทาง แต่ถ้าคุณอยากได้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ก็ขอแนะนำไทเซน-คาคุ ลองมาพักที่สุดยอดโรงเตี๊ยมแห่งนี้ดู! เจ้าของทั้งสองพูดอังกฤษไม่คอ่ยได้นัก แนะนำให้ขอสำนักงานข้อมูลนักท่องเที่ยวหรือเพื่อนญี่ปุ่นโทรมาติดต่อแทนคุณ 

0
0
บทความนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
ช่วยเราพัฒนาเว็ปไซต์ JapanTravel.com
ให้คำติชมหรือข้อเสนอแนะ

แสดงความคิดเห็น

Thank you for your support!

Your feedback has been sent.