ดีใจจัง ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสได้มากินไข่ดำกับเค้าซะที เห็นใครต่อใครพูดถึงใครดำ เราก็แอบงงและสงสัยอยู่นานว่ามันคืออะไรกันแน่ สุดท้ายก็มาถึงบางอ้อจนได้ เจ้าไข่ดำที่เราเห็นกันนั้น มันเกิดขึ้นมาจากการนำไข่ไปต้มในบ่อน้ำแร่กำมะถัน ซึ่งมีอุณหภูมิราว ๆ 80 องศาเซลเซียส จนถึงขั้นทำให้ไข่นั้นสุกได้ และด้วยความที่บ่อน้ำแร่มีกำมะถันอยู่นั้นเลยทำให้เปลือกไข่กลายเป็นสีดำมะเมือมเมื่อสุกแล้ว อีกทั้งเรายังจะเห็นควันสีขาวพวยพุ่งอยู่บนหุบเขาโอวาคุดานิแห่งนี้ตลอดเวลา ก็เนื่องมาจากเจ้าความร้อนใต้พื้นดินที่ส่งขึ้นไปพร้อมกับเจ้ากำมะถันที่มีอยู่ใต้พื้นดินจนบางครั้งมีหุบเขาโอวาคุดานิแห่งนี้ ถูกเรียกว่าหุบเขานรก เพราะนอกจากจะมีควันอยู่ตลอดเวลาแล้ว ยังเต็มไปด้วยกลิ่นฉุดของกำมะถันอีกด้วย แอบคิดว่าเพราะการโปรโมทการท่องเที่ยวที่น่าสนใจประกอบกับมีไข่ดำเป็นไฮไลท์ จึงทำให้หุบเขาโอวาคุดานิแห่งนี้น่าสนใจมิใช่น้อยเลยทีเดียว จังหวะที่ตัวเองได้มีโอกาสไปเที่ยวนั้น เป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2013 ซึ่งเป็นเดือนที่หนาวจับใจจริง ๆ ทุกพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวเต็มไปหมด พูดคุยกันทีนึง ควันออกปากกันทุกคน แต่ด้วยความที่หนาวมาก ๆแบบนี้แหละรู้สึกการกินไข่ดำมันอร่อยสุด ๆ ไปเลย รู้สึกร่างกายอบอุ่น กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันทีทันใด สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหาความแปลกใหม่ให้ชีวิต หรือต้องการชิมของแปลก ๆ แนะนำเลยค่ะ ว่าอย่าพลาดการเดินทางมาหุบเขาโอวาคุดานิหรือหุบเขานรกแห่งนี้ ส่วนเรื่องการเดินทางไม่ได้ยากอย่างที่คิดแม้ว่าจะอยู่ไกลจากเมืองโตเกียวไปซักหน่อยแต่เราก็สามารถเดินทางจากโตเกียวมาได้โดยนั่งรถไฟชินคันเซน เพื่อไปลงสถานี Odawara หลังจากนั้น เราก็รอขบวนรถ Odakyu railways เพื่อนั่งไปลงสถานี Hakone-Yamoto และเปลี่ยนมานั่งรถไฟสายคลาสสิค เพื่อมาลงสถานี Gora และรอขึ้นรถรางไปยังสถานี Sounzan เพื่อไปขึ้นกระเช้า Hakone Ropeway ไปยังหุบเขาโอวาคุดานิแห่งนี้
กินไข่ดำ ณ หุบเขาโอวาคุดานิ
ไข่ดำในตำนานหากใครได้กินจะมีอายุยืนขึ้นอีก 7 ปี
ข้อมูลเพิ่มเติม
ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Owakudani