ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ระหว่างเมืองยามานาชิ และเมืองชิซุโอกะ และในวันที่ฟ้าปลอดโปร่งคุณอาจจะสามารถมองเห็นฟูจิได้จากโตเกียว หรือโยโกฮาม่า รูปภาพของและเรื่องราวภูเขาไฟฟูจิปรากฏอยู่ในงานศิลปะและบทประพันธ์มากมายจนอาจกล่าวได้ว่าสิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนจำนวนมาก แล้วคุณหละชอบภูเขาไฟฟูจิหรือเปล่า เคยอยากจะลองปีนภูเขาไฟฟูจิสักครั้งไหม ฉันเองไม่เคยมีประสบการณ์ในการปีนเขามาก่อนแต่ข้อมูลจากหลายแหล่งบอกว่าการปีนภูเขาไฟฟูจินั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมของปี 2011 ฉันจึงตัดสินใจที่จะปีนภูเขาไฟฟูจิดูสักครั้ง โดยใช้เส้นทางโยชิดะซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมที่สุดเพราะมีวิวทะเลสาบที่มากและสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้แม้ว่าจะยังเดินทางไม่ถึงยอดเขา โดยเส้นทางนี้ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๕ – ๗ ชั่วโมง โดยออกเดินทางจากสถานีที่ ๕ ช่วงประมาณหนึ่งทุ่ม เผื่อเวลาเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นรุ่งเช้า เส้นทางนี้มีทั้งทางราบที่สามารถเดินได้ค่อนข้างสะดวก และทางชันที่ต้องปีนป่าย โดยอากาศจะหนาวเย็นและเบาบางขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับความสูง ดังนั้น นอกจากกำลังใจแล้วนักปีนเขาจำเป็นจะต้องเตรียมอุปกรณ์เช่น ไฟฉาย ไม้เท้า รวมทั้งเครื่องแต่งกายให้พร้อมด้วย ช่วงท้ายในการปีนเขา ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าจนอยากจะหยุดพักแต่ก็บอกตัวเองว่านี่คือจุดที่การอดทนสู้ต่อดีกว่าการกลับหลังแล้วล้มเลิกความพยายาม ฉันจึงอดทนเดินจนกระทั่งถึงลานพักที่สามารถเป็นจุดชมพระอาทิตย์ช่วงเวลาประมาณตีสี่ หลังจากนั่งหลับอยู่พักหนึ่งฉันก็ถูกสะกิดให้ตื่น และสิ่งแรกที่เห็นหลังจากลืมตาคือภาพวิว ภูเขาทั้งเล็กและใหญ่ รวมทั้งทะเลสาบ ซึ่งภาพทั้งหมด ถูกไล้ด้วยแสงเรื่อๆ และถูกปกคลุมด้วยหมอกจางๆ อีกชั้นหนึ่ง ทันทีที่มีแสงแรกของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า นักปีนเขาทั้งหลายต่างโห่ร้องด้วยความยินดี ภาพทิวทัศน์ที่สามารถมองเห็นได้รอบทิศทางชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามความสูงของพระอาทิตย์ สีสันของวิวถูกปรับเปลี่ยนด้วยแสงของดวงอาทิตย์ นี่แหละคือความงามที่คุ้มค่ากับพยายาม นับตั้งแต่วันนั้น ภาพและรวมทั้งเรื่องราวของภูเขาไฟฟูจิทำให้ฉันระสึกถึงความภาคภูมิใจในความอดทนและความพยายามในการเอาชนะใจตัวเอง ... นี่กระมังคือพลังที่ลูกพระอาทิตย์ใช้ต่อสู้กับอุปสรรคที่ยากลำบาก