สิ่งหนึ่งที่เราชอบเกี่ยวกับญี่ปุ่นคือ ทุกเมืองเขาจะพยายามหาจุดเด่นของตัวเอง โดยฝึกทักษะอะไรสักอย่างที่เหมาะสมกับทรัพยากรท้องถิ่นหรือความสามารถคนแถวนั้น และเชื่อหรือไม่ว่า มีเมืองนึง เป็นเมืองเกี๊ยวซ่า นั่นคือเมือง Utsunomiya เขาโปรโมทด้านนี้จริงจัง จนสามารถสร้างเป็นจุดเด่นให้คนแวะเวียนมาเพื่อกินเกี๊ยวซ่าและสร้างรายได้ให้กับเมืองที่เคยเงียบเหงาถึงปีละเป็นล้านเลยนะ
ความเป็นมาของเมืองเกี๊ยวซ่านี้คือ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารญี่ปุ่นที่ไปรบแถวเมืองจีนได้สูตรทำเกี๊ยวกลับมา เมื่อกลับมายัง Utsunomiya จึงแข่งกันทำสูตรต่างๆและเปิดร้านกันทั่วเมือง จนเทศบาลเมืองรู้ว่าคนที่นี่กินเกี๊ยวซ่ากันเยอะกว่ามาตรฐานมาก จึงทำการโปรโมทด้านนี้จริงจัง ถึงขนาดมีรูปปั้นเกี๊ยวซ่าที่สถานีรถไฟและเปิดโซนที่ขายเกี๊ยวซ่าหลากหลาย เราอยากจะร้องไห้เพราะครั้งนี้โซนเกี๊ยวซ่าปิด เราอุตส่าห์หิ้วท้องรอมากินจาก Nikko เราจำได้ว่ามันจะมีร้านหลากหลายน่ากินมาก มีการเล่นกับแป้งหลายแบบ ทั้งความหนาบางกรอบนุ่ม ทั้งส่วนผสมในแป้ง เล่นกับน้ำซุปหลากหลายรสและความข้น ไส้ไม่ต้องพูดถึง เพียบ
เราเลยอาศัยเดินข้ามถนนไปกินที่ร้านตรงข้ามสถานี ร้านนี้มีเซ็ทหลากเกี๊ยวซ่าให้ลองอยู่ แต่อาจไม่สร้างสรรค์เท่าที่เราเคยเห็น เราสั่งเซ็ทเกี๊ยวซ่าสี่แบบ แบบธรรมดาแป้งจะกึ่งกรอบกึ่งนุ่ม แบบนึ่งแป้งจะหนาและเหนียวหน่อย แบบซุปนุ่มมากฉ่ำมาก แบบกะหรี่ปั๊บแป้งหนากรอบ กินไปกินมาเลือกตัวโปรดไม่ถูก จริงๆมีอีกหลายตัวที่อยากลองแต่ถ้าสั่งเขาคงตกใจ อยากลองแบบแป้ง tonkatsu แป้งปอเปี๊ยะ และอบชีส ซ้อสที่นี่ก็มีหลายตัววางอยู่ เราเลือกไม่ถูกหลังๆเลยอาศัยรวมฮิตโดยผสมซีอิ้ว น้ำมันงา และพริกเข้าด้วยกัน เผ็ด มัน เค็ม เปรี้ยว จะท้องเสียไหมเนี่ย (เสียค่ะ 55)
เมือง Utsunomiya เป็นเมืองทางผ่านไป Nikko ถ้าคุณไม่ได้นั่งรถไฟสายตรง คุณจะต้องมาต่อ Shinkansen ที่นี่ ฉะนั้น มันไม่ยากที่จะแวะเมืองนี้ โดยเฉพาะถ้าจะไปเที่ยว Nikko ถ้าไม่มีเวลาแวะ แค่แว๊บๆมาร้านขายของก็มีสารพัดเกี๊ยวซ่าแช่เย็นให้ซื้อกลับไปทานได้ค่ะ แน่นอนสถานีนี้มาถึงได้ฟรีด้วย JR East Pass และถ้าใครอยากมากินเกี๊ยวซ่าโดยเฉพาะนี่แค่นั่ง Shinkansen มาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากโตเกียวนะคะ ไหนๆก็ฟรีตลอดทาง ใช้ JR East Pass ให้คุ้มค่ะ