ถ้าพูดถึง "โอไดบะ" (Odaiba) หลายคนคงจะนึกถึง แหล่งช้อปปิ้งและย่านบันเทิงที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น และอาจจะเกิดคำถามตามมาว่า แล้วนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติอย่างเรา (หรือ backpacker กระยาจกอย่างผม!!) จะไปทำอะไรที่นั่นกัน??? คิดแล้วก็ปล่อยผ่านมองสะพานสายรุ้งจากฝั่งโตเกียว ถ่ายรูปพอเป็นพิธีแล้วสะบัดตูดนั่งชินคันเซ็นออกไปเผชิญความงามแห่งขุนเขาและเวิ้งฟ้าอันกว้างใหญ่ต่อไป ถ้าคุณคิดแบบนั้นจริงๆลองมาดูกันดีกว่าว่าคุณจะพลาดอะไรไปบ้าง
แพลเล็ททาวน์ (Palette Town) คืออีกหนึ่งย่านบันเทิงและศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงบนเกาะโอไดบะ คำว่า "Palette" แปลว่า จานผสมสี ซึ่งก็เหมาะสมดีสำหรับนครแห่งสีสันแห่งนี้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกิจกรรมหลากหลายอารมณ์ที่คงจะทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับมันบ้างไม่มากก็น้อย
บ่ายแก่ๆของวันฟ้าครื้มที่เจอได้ปกติในโตเกียว ผมนั่งรถไฟสาย Yurigamome จากสถานี Shimbashi ข้ามสะพานสายรุ้งมาลงที่ สถานี Aomi (ใช้เวลา 20 นาที ค่าตั๋ว 380 เยน) ภาพแรกที่เห็นขณะเดินออกจากสถานีคือชิงช้าสวรรค์อันใหญ่สีแดงสดใสยิ้มต้อนรับเข้าทุกคนเข้าสู่ "แพลเล็ททาวน์" แห่งนี้
ชิงช้าสวรรค์ที่ว่านี้ มีชื่อว่า "Daikanransha (大観覧車)" หรือคนแถวนี้เค้าเรียกกันตรงๆว่า "Ferris Wheel" อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่รู้จักกันดีของโอไดบะ เจ้าชิงช้านี้จัดว่าไม่ธรรมดา เคยมีดีกรีได้เป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลกมาแล้ว ปัจจุบันเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงเป็นอันดับ 12 ของโลก ค่าขึ้นชมวิวราคา 1000 เยน กระเช้าจะมี 2 แบบ คือแบบพื้นใสโล่งกับแบบธรรมดา นอกจากสะพานสายรุ้งที่เห็นได้ชัดเจนจากชิงช้าสวรรค์ ด้วยความสูง 115 เมตรคุณจะสามารถมองเห็นโตเกียวทาวเวอร์จากฝั่งโตเกียวได้ด้วย และยังว่ากันว่า ในวันที่ฟ้าใสคุณอาจมองไปไกลจนเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เลย!!!
(ถ้ามาในช่วงกลางวันคุณอาจจะเห็นรถรุ่นใหม่ของโตโยต้าวิ่งโฉบไปมาบนสนามทดลองขับขี่ นั่นคือส่วนหนึ่งของ MEGA WEB TOYOTA คุณสามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวรรค์ของคนรักยานยนต์แห่งนี้ได้ที่นี่)
บริเวณใกล้เคียงกันมีห้างตัวแม่ของแพทเล็ททาวน์ที่ชื่อว่า "Venus Fort" บรรดานักช้อปปิ้งคงตาลายกันไปเลยทีเดียว เพราะที่นี่เต็มแน่นไปด้วยร้านค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลก เช่น Citizen, Levi's, Fila , Zara และ Diesel เป็นต้น แต่ที่น่าประทับใจตราตรึงไปอีกนานนอกจากร้านค้ามากมายมหาศาลก็คือ บรรยากาศการประดับประดาภายใน Venus Fort แห่งนี้ เมื่อคุณมองขึ้นไปบนเพดานคุณจะเห็นท้องฟ้าจำลองเหมือนที่เอกมัย (ไม่ใช่เว้ย!) ...ท้องฟ้าใสสีคราม บรรดาตึกร้านค้ามีการตกแต่งแบบตะวันตก เจ้าของห้างบอกมาว่าอยากจำลองบรรยากาศแบบยุโรปในศตวรรษที่ 18 มาให้คุณได้เป็นขุนนางเดินเชิดในนี้ ที่ชั้น 2 เดินไปเพลินๆคุณยังจะพบกับ "The Fountain Plaza" ประติมากรรมน้ำพุและเทพีสันติ...(พอ!) และยังเจอโบถส์คริสต์จำลองขนาดใหญ่(แต่เข้าไปไม่ได้) ที่ "Church Plaza" แสงเหลืองนวลๆ กับมุมชิคๆแบบนี้ หลายคนคงจะควักกล้องออกมาเซลฟี่จิ้มแก้มร้องว่า คาวาอี๊......เอร๊ย!!!
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักชมนกสี่หมื่นสายพันธ์ุ หรือนักปืนเขาสามร้อยลูก มาเดินเล่นที่นี่แบบไม่ต้องช้อปปิ้ง ขึ้นชิงช้าสวรรค์ดูวิวก็น่าจะชิลล์ได้ คงจะพอสร้างความหฤหรรษ์ให้กับวันสบายๆของคุณได้อีกหนึ่งวัน แต่สำหรับ Backpaker สายรักธรรมชาติอย่างผมขอกล่าวอำลาแพลเล็ททาวน์แห่งนี้ไว้เลยว่า "ถูกหวยแล้วเดี๋ยวเจอกัน"