โรงแรมเกียวโตพลาซ่าเป็นโรงแรมทางเลือกที่ประหยัดสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางคนเดียวและมีงบปานกลางและไม่ต้องการพักที่โฮสเทลเพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัว โรงแรมแห่งนี้มีห้องเตียงเดี่ยว, ห้องเตียงคู่และห้องเตียงใหญ่ขนาดกะทัดรัดในแบบตะวันตก ห้องเตียงเดี่ยวมีเตียงขนาดกึ่งเตียงใหญ่กว้างประมาณ 140 เซนติเมตร กว้างพอสำหรับนอนคนเดียว ราคาอยู่ที่ 6,800 เยน หากเข้าพัก 2 คนจะมีให้เลือกระหว่างเตียงกึ่งใหญ่(ราคา 11,000 เยน)หรือเตียงใหญ่(13,000 เยน) เตียงกึ่งใหญ่ค่อนข้างแน่นเล็กน้อยสำหรับผู้ใหญ่ขนาดลำตัวไม่ใหญ่ 2 คนแต่สำหรับคนขนาดตัวปกติเตียงใหญ่เป็นขนาดที่กำลังดีหรืออาจจะเลือกเป็นห้องเดี่ยว 2 ห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวไปซะเลยซึ่งราคาของห้องเดี่ยว 2 ห้องแพงกว่าราคาห้องเตียงใหญ่แค่ 300 เยนเท่านั้นและคุณจะได้ไม่ต้องแย่งรีโมททีวีหรือห้องอาบน้ำกัน ในขณะที่ห้องพักเตียงใหญ่มีพื้นที่กว้างตามช่วงราคา ถ้าคุณเป็นคนหลับยากหรือคุณกังวลเรื่องเสียงจากเพื่อนของคุณ ลองถามพนักงานถึงห้องอยู่ด้านหลังโรงแรมหรือห้องมุม ห้องเหล่านั้นจะลงท้ายด้วยเลข 3, 5,หรือ 9 ตัวอย่างเช่น ห้องมุมหมายเลข 2103 จะอยู่บนชั้น 11 ห้องหมายเลข 3 ผังโรงแรมเรียบง่าย ดูสะอาดตาและเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยกำแพงสีขาว,สีเบจและลายสีขาวหรือผ้าคลุมเตียงลายดอกไม้ที่เหมาะสมกับสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่คุณจะได้รับในโรงแรม
โรงแรมตั้งอยู่ห่างจากทางออกฮาจิโจของสถานีเจอาร์เกียวโตเพียงแค่เดิน 6 นาที ผ่านห้างอิออน โรงแรมเกียวโตพลาซ่าตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกถ้าคุณมาถึงเกียวโตตอนดึกหรือต้องออกไปแต่เช้า มีป้ายรถบัสสนามบินและรถไฟหัวกระสุนตั้งอยู่ใกล้ๆ อีกทั้งยังสะดวกถ้าคุณต้องการนั่งรถไฟไปอะริชิยามะหรือคาเมะโอกะและที่ไกลหน่อยอย่างนาโกย่า, โอซาก้า, โกเบและฮิเมะจิ หากคุณจะไปนาราก็เดินเพียงแค่ 3 นาทีจากสถานีคินเทะสึโตจิ รสบัสเมืองและสถานีรถไฟใต้ดินยังใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวในเมืองเกียวโตอีกด้วย อีกทางที่คุณจะเที่ยวชมเมืองได้คือนั่งรถบัสสาย 202 หรือ 207 จากถนนคุโจไปยังฮิกาชิมะซึ่งวิธีนี้จะเลี่ยงฝูงชนที่สถานีเกียวโตและการจราจรติดขัดที่ถนนทางเหนือได้
แขกที่ขับรถมาจะหาทางมาได้ง่ายจากทางออกเกียวโตทางใต้ในทางด่วนเมอิชินและมีที่สำหรับจอดรถ(ราคา 1,000 เยนต่อวัน) ใช้เกณฑ์ใครมาก่อนได้จอดก่อน
โรงแรมธุรกิจขนาดเล็กมักไม่มีห้องประชุมแต่จะมีพื้นที่เล้าจ์ที่ชั้นหลัก นอกจากนี้ยังมีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตให้ใช้ฟรีรวมทั้งโทรศัพท์สาธารณะและชั้นวางโบรชัวร์ท่องเที่ยวอีกด้วย
ชั้น 2 มีห้องอาบน้ำรวมและห้องนวด ห้องอาบน้ำเปิดตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงตี 2 และห้องนวดเปิดตั้งแต่ 3 โมงเย็นถึง 5 ทุ่มในวันธรรมดาและวันเสาร์แต่วันอาทิตย์ปิด 4 ทุ่ม แขกจะได้รับบัตรกำนัลนวดคอ 15 นาทีซึ่งเหมาะกับคนที่เหนื่อยล้ามา
ในตอนเช้าโรงแรมให้บริการอาหารเช้าฟรีตั้งแต่ 6 โมงครึ่งถึง 9 โมงครึ่งที่โรงอาหารในชั้นหลักและเพื่อให้แขกจากประเทศต่างๆทานอาหารได้ ดังนั้นเมนูที่โรงแรมจัดให้จึงมีซุปมิโซะ, โซบะและสาหร่ายทะเลแห้งและถ้าคุณต้องการทานอาหารตะวันตก ทางโรงแรมมีกาแฟและชาพร้อมด้วยขนมปังและสลัดไว้บริการ อาหารค่อนข้างเรียบง่ายและดีต่อสุขภาพ ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชินเมะให้บริการอาหารกลางวันตั้งแต่ราคา 1,050 เยนและอาหารค่ำตั้งแต่ราคา 1,575 เยนและที่สถานีเกียวโตมีร้านอาหารหลากหลายที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยเมนูภาษาอังกฤษเช่น ร้าน โออิ โซบะ เพลสหรือร้าน Pontoiru ที่ขายพาสต้าฟิวชั่นสไตล์อิตาลี่และญี่ปุ่น
ชั้นบนมีดาดฟ้าที่มองเห็นวิววัดโตจิที่สร้างขึ้นในปี 796 แบบพาโนรามา มองออกไปเหนือหลังคาฝั่งใต้ทางเกียวโตของอารามวัดโตจิที่มีภูเขาเป็นฉากหลัง ทำให้ฉันคิดถึงวิวของเมืองฟลอเรนซ์จากดูโอโมะถึงแม้ว่าเวอร์ชั่นของญี่ปุ่นมันจะเป็นเมืองเล็กก็ตาม ในขณะที่เกียวโตทางฝั่งเหนือของสถานีมีส่วนผสมของตึกสมัยใหม่ ส่วนบ้านเมืองสไตล์เกียวโตก็เรียงรายอยู่ในตรอกซอยและนำเสนอวิวเกียวโตทาวเวอร์ เส้นขอบฟ้าที่พาดไปยังทางใต้มันพาดผ่านหมู่บ้านและดูออกจะน่าเบื่อ เมืองดูเหมือนมีแต่ธุรกิจของครอบครัวที่สร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนจนมาถึงปัจจุบันและบ้านหลังสงครามที่เป็บบ้านแบบสีเดียวเหมือนเขตชิตะมะจิของเกียวโต ที่นี่คุณจะเห็นชาวบ้านใช้ชีวิตประจำวันปกติและนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับพวกเขาเพราะนักท่องเที่ยวจะไปสนใจแต่กับแหล่งท่องเที่ยวหลักๆที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของทางรถไฟ