ออกทะเล ย้อนอดีตวันวานในอามาคุสะ

สัมผัสดินแดนเขตร้อนพร้อมลิ้มรสกุ้งตัวโต

ต้องการสัมผัสรสชาติสดใหม่ของกุ้งตัวใหญ่ ๆ อวบ ๆ  รับประทานอาหารมื้ออร่อยท่ามกลางทะเลที่นิ่งสงบ มีภาพฉากหลังเป็นทิวเขาเขียวขจี เพลิดเพลินไปกับเสียงนกร้องและมวลหมู่เมฆไหม? หรือว่าต้องการลองลิ้มชิมเทมปุระที่ทอดกรอบ ๆ จากกุ้งตัวโต ๆ  พร้อมละเลียดซุปมิโซะซึ่งเกิดจากการเคี่ยวกรำจากประสบการณ์กว่า 30 ปีของผู้ปรุง?

วันนี้ฉันอยู่บนเรืออุตาเสะ เรือซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเกาะอามาคุสะในจังหวัดคุมาโมโตะ ในยามที่เรือลำนี้แล่นออกไปในทะเล มันช่างดูคล้ายคลึงกับหญิงสูงศักดิ์ในชุดผ้าฝ้ายสีขาว  การเดินทางในวันนี้ต้องขอบคุณลูกเรือผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีแต่ก็สุขุมรอบคอบจากเมืองอะชิกิตะของเรา ผู้ซึ่งได้พาเราออกทะเลมาผ่อนคลายเป็นเวลาสองสามชั่วโมง และได้มาพบทัศนียภาพที่สวยงามตระการตาของเกาะแห่งนี้เช่นนี้

เรืออุตาเสะเริ่มออกเดินสมุทรมาเป็นเวลากว่า 400 ปีแล้ว เป็นเรือที่ใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน และใช้เวลาราว 30 นาทีในการนำเราออกจากฝั่งก่อนที่เราจะได้ทอดสมอ  เมื่อเครื่องยนต์เรือถูกดับลง ทุกอย่างเงียบสงบ คุณจะได้ยินเพียงเสียงของน้ำที่ซัดตัวเรือและเสียงแกว่งกระพือของใบเรือเท่านั้น  การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นการเดินทางที่แสนงดงามนุ่มนวล และในบรรดาแขกทั้งแปดคนก็ไม่มีใครเมาเรือเลย เราต่างหายใจสูดลมทะเลเข้าเต็มปอดและซึมซับทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะแก่งและทิวเขาสีเขียวฟ้านั้นไว้ในห้วงทรงจำ

เรือที่แล่นอยู่ในท้องทะเลเบื้องหน้าของเราถือเป็นเรือที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดคุมาโมโตะและจังหวัดคาโกชิมะ เรือเหล่านี้เป็นเรือประมง พวกเขาจะแล่นเรือออกหากุ้งหาปลาในระหว่างสัปดาห์ และในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะแปลงมันให้เป็นเรือนำเที่ยว พานักท่องเที่ยวไปสัมผัสวิถีการหาปลาที่แท้จริง  พวกเขามักจะออกหาปลาเฉพาะในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว แต่ปลาที่จะหาได้นั้นก็จะแตกต่างกันออกไปตามฤดูกาล โดยส่วนใหญ่จะหาได้มากในช่วงฤดูหนาวโดยการหว่านแหลงไปในทะเลในความลึกกว่า 40 เมตร  และในวันนี้เองเราก็ได้ลองหาปลาแบบชาวประมงกันด้วย เราจับได้ปลาตาชิอุโอะ หรือที่เรียกกันว่าปลาแฮร์เทล ขณะที่ชาวประมงเจ้าของเรือได้ทั้งปลาตะเพียนและกุ้งเต็มตาข่าย  เจ้าปลาตาชิอุโอะที่เราจับได้มองดูไปแล้วช่างคล้ายเครื่องเงินหรูหราที่ส่องแสงแวววาว สะท้อนให้เราเห็นความแพรวพรายในยามบ่ายแห่งฤดูใบไม้ร่วง

ในยามบ่ายเช่นนี้ คุณจะได้เห็นบรรดานกอินทรีและอีกาอยู่บริเวณอ่าว และยังจะได้พบนกนางนวลบินตามเรืออย่างสบายอารมณ์ขณะที่คนเรือพยายามจะจับมันไว้  ชาวประมงที่พาเราออกมาคราวนี้เธอมีอายุเพียง 24 ปี, และลูกคนที่สองของเธอก็มีอายุเพียง 6 เดือน, ในวันแรกที่เธอเริ่มต้นเข้ามาทำงานในเรือ  เธอพบว่ามันเหน็ดเหนื่อยและแสนหนักหนาที่จะเรียนรู้ทุก ๆ อย่างให้ได้ในช่วงแรก แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ สามีภรรยาอายุ 68 ปีคู่นี้ก็ได้ทำงานเคียงคู่กันโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด พวกเขาช่วยกันจัดใบเรือและวางตาข่ายได้อย่างสบาย ๆ โดยที่มือสมัครเล่นอย่างพวกเราไม่ต้องเข้าไปช่วย  การได้มองดูพวกเข้าทั้งสองทำงานร่วมกันในจังหวะสอดประสานที่แสนลงตัวโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดต่อกัน ทำให้ฉันนึกถึงเพลงพื้นบ้านคุมาโมโตะที่ชื่อว่า โอเตะโมยัน ซึ่งมีเนื้อร้องประมาณว่า

"สวัสดีโอเตะโมยัน เธอเพิ่งจะแต่งงานใช่ไหม? ---

ใช่ ฉันเพิ่งจะแต่ง แต่ใบหน้าสามีของฉันมีรอยแผลใหญ่

เราจึงไม่ได้มีพิธีอันสมบูรณ์

ทั้งนายกเทศมนตรี ทั้งเจ้านายของเรา ทั้งแม่สื่อ

พวกเขาจะมาจากเมืองคาวาบาตะ

แล้วพวกเราจะเป็นอย่างไรต่อไป ฉันก็ยังสงสัย ---

ไปกันเถอะ เราไปดูฟักทองลูกใหญ่

และไปดูดอกไม้ที่บานสะพรั่งในท้องทุ่งกันไหม

นกลาร์คจะส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ไหนจะเหล่านกน้อยนกใหญ่

พวกมันนั่นเอง ที่จะนำมะเขือยาวแสนงามมาให้เรา"

ถ้าคุณได้มีโอกาสมาที่นี่ในช่วงฤดูร้อน คุณก็จะได้ยินเสียงเพลงนี้ล่องลอยอยู่ในมวลอากาศ ท่ามกลางมหกรรมความรื่นเริงในคุมาโมโตะ

เรือสำราญที่เราเช่ามาวันนี้ราคา 42,000 เยน สำหรับ 12 คน มีเวลาให้ 3 ชั่วโมงพร้อมงานเลี้ยงมื้อกลางวันที่น่าประทับใจ การล่องเรืออันเยี่ยมยอด อุปกรณ์ตกปลารวมทั้งการสอนตกปลาด้วย  ราคานี้เมื่อหารเฉลี่ยกันแล้วก็ตกเพียงคนละ 4,000 เยนเท่านั้น แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือประสบการณ์อันยิ่งใหญ่และความเข้าใจอันลึกซึ้งต่อประเพณีที่สืบทอดมานานกว่า 400 ปี  ช่างเป็นวันที่แสนผ่อนคลายและใกล้ชิดธรรมชาติจริง ๆ เพียงแค่ออกจากชายฝั่งเมืองคุมาโมโตะมานิดเดียวเท่านั้น!

0
0
บทความนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
ช่วยเราพัฒนาเว็ปไซต์ JapanTravel.com
ให้คำติชมหรือข้อเสนอแนะ

แสดงความคิดเห็น

Thank you for your support!

Your feedback has been sent.