เมืองออนเซ็นแห่งนี้ เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ในจังหวัดกุนมะ อยู่ห่างจากโตเกียวออกไป นั่งรถไฟJRและรถบัสเข้าถึงตัวเมือง ใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมง
การเดินทางอาจดูเหน็ดเหนื่อย แต่ถ้าใครได้ไปสัมผัสบรรยากาศของเมืองที่แสนจะอบอุ่นนี้ ก็หายเหนื่อยเป็นปริบทิ้ง
ช่วงเวลาที่แนะนำในการเดินทาง หากเป็นหน้าหนาวคงจะสวยงามที่สุด เพราะเราจะสามารถแช่น้ำแร่พร้อมบรรยากาศหิมะสวยๆรายล้อม เป็นความรู้สึกที่จะหาที่ไหนอื่นไม่ได้นอกจากที่ญี่ปุ่น!
ในตัวเมืองจะมีศูนย์กลางของเมือง เรียกว่า 'Yubatake' หรือ 'ทุ่งออนเซ็น' หลายคนอาจจะสงสัยว่าคืออะไร ทุ่งออนเซ็น? แต่จริงๆแล้วคือไม้ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นขั้นบันไดใจกลางเมือง เพื่อให้น้ำแร่ไหลผ่านนั่นเอง น้ำแร่จากใจกลางเมืองจะไหลผ่านขั้นบันไดดังกล่าว คนสมัยโบราณสร้างขึ้นเพื่อจะลดระดับความร้อนของน้ำแร่ที่ร้อนสูงถึง 94 องศา พวกเขาไม่ต้องการให้แร่ธาตุภายในน้ำแร่หายไปจากการที่นำน้ำเย็นหรือน้ำอื่นๆมาผสม จึงคิดการสร้างไม้ขั้นบันได้แบบนี้ขึ้น
เมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่ ที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ่างๆได้ถึง 4,000 โรค! เขาว่ากันว่ามีเพียงโรคเดียวบนโลกเท่านั้นที่ไม่สามารถจะรักษาได้ นั่นคือ 'โรคอกหัก' นั่นเอง
สำหรับของฝากขึ้นชื่อของเมืองนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้อน 'Yunohana' หรือ 'ดอกน้ำแร่'(เกล็ดตะกอนออนเซ็น) ชาวเมืองนำผลผลิตทืี่ได้จากน้ำแร่ออนเซ็นบริเวณYubatakeขึ้นมา และเชื่อว่าเกล็ดตะกอนเหล่านี้มีประโยชน์ น้ำมาแช่น้ำหรือขัดผิ;เพื่อบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี
หากพูดถึงโรงแรมที่พัก แนะนำให้พักแบบเรียวคัง ซึ่งจะสามารถสัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งได้ลิ้มรสอาหารแบบดั่งเดิม พร้อมวัตถุดิบจากธรรมชาติตามฤดูกาลที่ทางโรงแรมจะจัดไว้ให้อีกด้วย
อีกสิ่งหนึ่งนอกเหนือจากธรรมชาติอันสวยงามและตัวเมืองที่มีสเน่ห์ชวนให้หลงไหลแล้ว น้ำใจของชาวเมืองที่นี่ทำให้รู้สึกอบอุ่น แม้ชาวต่างชาติอาจจะยังบางตาในตัวเมือง แต่ผู้คนที่นี่ก็มีน้ำใจและพยายามจะช่วยเหลือ ชาวเมืองต้องการนำเสนอของดีของเมืองให้ทุกคนได้บอกต่อ
แน่นอนว่ากลับมาเมืองไทยครั้งนี้ ทั้งประทับใจ และไม่ลืมเมืองออนเซ็นเล็กๆเมืองนี้
สัญญาว่าจะกลับไปใหม่อีกครั้ง...คุสัตสึ...