คำพูดนี้อาจฟังเก่าหน่อย แต่เขาก็บอกกันว่าหัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย หากแต่อยู่ที่ระหว่างทางต่างหาก ตอนที่ผมไปทาคาชิโฮะก็เป็นแบบนั้น ทาคาชิโฮะตั้งอยู่ใจกลางของคิวชู และเมื่อกางแผนที่ดูแล้ว ก็ม่มีเส้นทางลัดเส้นไหนเลย ถ้าคุณจะเดินทางมาด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ที่นี่ไม่มีรถไฟวิ่งผ่านแล้ว แต่ก็สามารถขึ้นรถบัสมาจากคุมาโมโตะได้
เราตรงขึ้นมาจากคาโ.ชิมะ พยายามหลีกเลี่ยงทางด่วนสองฟากฝั่งของคิวชู และพยายามหาเส้นทางที่ตัดตรงผ่านภูเขาแทน
เป้าหมายของเราคือขับรถวนทั่วภูเขา ทั้งล่องขึ้นลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ภูเขาแรกที่เจอคือคิริชิมะซึ่งเป็นภูเขาไฟมีพลัง ขับรถชมเพลินมาก มีหมอกไอน้ำอยู่เต็มปหมด และกลิ่นกำมะถันโชย ภูเขาคิริชิมะยังคงมีชีวิต
พอผ่านภูเขามาอีกสองลูก จากเส้นทางขรุขระทึบของภูเขาก็เริ่มบางตาลง เราไม่ได้เห็นร่องรอยความเจริญมาหลายชั่วโมงแล้ว จนกระทั่งได้มาพบกับหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หรือเป็นดั่งโอเอซิสที่ชื่อ ชิอิบะ พอเราไปถึงที่นั่นก็พบว่าไม่ค่อยมีอะไรมากนัก แต่เพราะได้พักผ่อนและรู้ว่าเราใกล้ถึงทาคาชิโฮะไปอีกก้าวทำให้ชิอิบะแห่งนี้วิเศษมาก
พอเรามาถึงทาคาชิโฮะ เราก็มุ่งสู่สถานที่ท่องเที่ยวหลักของที่นี่ทันที นั่นคือโกรกธารทาคาชิโฮะ ซึ่งทั้งกว้างใหญ่และงดงามตราตรึงมาก มีบางส่วนที่มนุษย์สร้างขึ้น และรู้สึกเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวที่แสนอบอุ่น สามารถล่องเรือใกล้ ๆ ไปยังท้ายโกรกธารและกินนางาชิ โซเมนได้ (บะหมี่ทำจากหน่อไผ่ คล้ายปล่องไผ่หักครึ่ง) ซึ่งเราไม่ทันได้ลองทั้งสองอย่างนั้นเพราะเดินทางไกลมานานเกิน แต่คราวหน้าอาจไม่พลาด เพราะดูน่าสนุกดี
ไฮไลต์ของทาคาชิโฮะสำหรับผมคือจุดตั้งแคมป์ที่พวกเราพักกัน ที่บริเวณตั้งค่ายพักแรมชิกิมิบารุ สุโคยากะ โนะ โมริ (四季見原すこやかの森キャンプ場) ใช้เวลาเดินทางจากเมืองไปถึงที่นั่นครึ่งชั่วโฒงและต้องผ่านภูเขาอีก แต่ก็ถือว่าคุ้ม
ที่ญี่ปุ่นฤดูร้อนจะร้อนสุด ๆ แต่เพราะจุดตั้งแคมป์ตั้งอยู่บนที่สูงทำให้ไม่ค่อยร้อน เป็นจุดที่สูงเหนือก้อนเมฆซึ่งสามารถชมได้ในยามเช้า การได้ตื่นมาและมองออกไปนอกเต๊นท์แล้วเห็นผืนเมฆราวกับปุยนุ่นและยอดเขาที่โผล่พ้นขึ้นมาเป็นอะไรที่งดงามมาก
ถ้าจะพักที่นี่ แนะนำให้กินอาหารมาจากในเมืองก่อนหรือไม่ก็นำของกินติดตัวขึ้นมาด้วย เพราะกว่าจะกลับเข้าเมืองได้ก็นานอยู ทาคาชิโฮะนั้นแม้จะเดินทางไปลำบากหน่อย แต่ก็คุ้มสุด ๆ