ฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาถึง หน้าหนาวเริ่มอบอุ่นขึ้น ที่ที่เหมาะที่สุดจะไปในโอซาก้าคืออุทยานมิโนะ ตั้งอยู่บนตอนเหนือของโอซาก้า และอยู่ห่างจากอูเมดะไม่ถึง 30 นาทีโดยใช้ถนนเส้นฮันคิว ทาคาระซูกะ
ส่วนใหญ่คนจะมาเดินกันที่นี่บนเส้นทางหลักทาคิมิจิที่ปูไว้อย่างดีโดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ ทาคิมิจิสร้างขึ้นเมื่แอปีค.ศ. 1886 เป็นเส้นทางเดินที่พาไปสู่สถานที่สุดฮิตของที่นี่ นั่นคือน้ำตกมิโนะ (มิโนะ ทากิ)
จริง ๆ แล้วมีอยู่หลายเส้นทางให้เลิอกเดินเที่ยว ฉันขอแนะนำว่าอย่างน้อยต้องไปจนสุดขอบน้ำตกมิโนะ ที่อยู่ห่างจากสถานีมิโนะ 2.7 กิโลเมตร ซึ่งว่ากันแล้วนี่คือการเดินเล่นสบาย ๆ ในอุทยาน เพราะมีเส้นทางที่ไม่ชัน นอกจากนี้ระหว่างทางไปน้ำตกยังจุดให้แวะถ่ายรูปสวย ๆ หลายจุด
ตอนมาถึงที่สถานีฮันคิว มิโนะ คุณจะเห็นบ่อน้ำร้อนแช่เท้าโมมิจิ (อะชิ-ยู) ที่อยู่ติดกับสถานี บ่อแช่เท้าเปิดบริการตั้งแต่ 10:00 ถึง 16:00 น. ในราคาเพียง 150 เยน จะมีผ้าเช็ดเท้าผืนเล็กให้คุณด้วย ซึ่งเหมาะแก่การมาแวะแช่เท้าหลังจากเดินรอบอุทยานเป็นเวลานาน
ทางเข้าของทาคิมิจินั้นก็อยู่ด้านหน้าสถานีมิโนะพอดี คุณจะเห็นร้านขายของที่ระลึกกับร้านอาหารจำนวนมากตั้งอยู่ตรงทางเข้า ที่มิโนะยังมีของขึ้นชื่อคือโมมิจิ เทมปุระ เป็นใบเมเปิลทอดชุบแป้งรสหวานและงา ใบเมเปิลอาจฟังดูไม่น่าใช่ของกินได้ แต่จริง ๆ ก็ไม่ต่างกับของทอดกรอบ ๆ อย่างอื่น และเป็นขนมไว้กินเล่นได้เพลินมากขณะเดินเที่ยวในอุทยานด้วย!
เส้นทางทาคิมิจินั้นสร้างอยู่เลียบสายลำธาร ในฤดูใบไม้ผลิ การได้เห็นใบไม้แตกใบและดอกซากุระบานเป็นภาพที่สวยงามมาก มิโนะยังขึ้นชื่อเรื่องใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิ มีทั้งเฉดสีแดง ส้ม และเหลือง ที่นี่คุณจะได้เห็นต้นไม้เยอะมากทั้งซีดาร์ญี่ปุ่น ไซปรัส เมเปิ้ล และซากุระอยู่ทั้งสองฝั่งตลอดเส้นทาง ถ้าคุณมาวันไหนที่แดดแรง ๆ เงาร่มไม้จะช่วยให้คุณแทบไม่รู้สึกร้อนเลย นอกจากนี้ยังมีเรือนพักกับม้านั่งยาวตามจุดต่าง ๆ ให้คุณได้พักผ่อนและชมความงดงามของธรรมชาติ
อีกจุดหนึ่งที่ต้องแวะบนเส้นทางทาคิมิจิคือฮาชิโมโตะ-เทย์ เป็นคาเฟ่/ร้านอาหารพร้อมแกลลอรี่งานฝีมือขนาดเล็ก ที่นี่เป็นอาคารไม้หลังแรกบนเส้นทางทาคิมิจิ ตั้งอยู่ที่ต้นอิชิโนะฮาชิทีเ่ป็นสะพานแห่งแรก เดิมทีนั้นฮาชิโมโตะ-เทย์เป็นโรงแรมเล็กแบบญี่ปุ่น (เรียวกัง) ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1910 ในสมัยเมจิ แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้เป็นเรียวกังแล้ว แต่ก็ควรจะลองแวะมาดื่มกาแฟสักถ้วยและชมทิวทัศน์จากสุดยอดผลงานสถาปัตยกรรมอายุ 100 ปีแห่งนี้ มีวันนึงที่ฉันมาถึงเช้าเลยแวะมาทานมื้อแรกของวัน ฉันได้ลองชิมเมนูคู่ร้านอย่างขนมปังเนยปิ้งกับแยมบลูเบอร์รี่ที่ง่าย ๆ แต่อร่อยเหลือหลาย
เมื่อเดินต่อไปบนทาคิมิจิ ก่อนมาถึงสะพานที่สามคุณจะเห็นหอแมลงของมิโนะทางซ้ายมือ ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่เพียง 270 เยน ส่วนเด็กมัธยมต้นลงไปเข้าฟรี แม้จะเป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ แต่ก็น่าลองแวะไปถ้าคุณอยากรู้จักแมลงในญี่ปุ่นให้มากขึ้น แล้วก็ยังมีอุทยานผีเสื้อตรงหอแมลงด้วย
หลังผ่านหอแมลงมาแล้ว คุณจะเห็นริว-อัน-จิ เป็นวัดที่มีสะพานสีแดงซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ที่นี่เป็นหนึ่งในวัดชู-เงน-โดที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ชู-เงน-โดซึ่งผสมผสานความเป็นเต๋า ชินโต และพุทธรวมไว้ด้วยกัน ริว-อัน-จิยังรู้จักในชื่อโทมิ-คุจิ (วัดแห่งความรุ่งโรจน์) ด้วย สำหรับใครที่อยากถูกล็อตเตอรี่งวดหน้า ทำไทไท่ลองมาอธิษฐานที่วัดแห่งนี้ดูล่ะ?
เมื่อผ่านมาได้เกือบครึ่งทางของทาคิมิจิแล้ว ถ้าคุณโชคดี อาจจะได้เห็นลิงหรือได้ยินเสียงร้องของพวกมันด้วย จริง ๆ แล้วอุทยานมิโนะนั้นเป็นวนอุทยานแห่งชาติ กล่าวกันว่าตอนที่สวนสัตว์มิโนะรื้อทิ้งในปี 1977 มีการปล่อยลิงให้เข้าภูเขาและเป็นอิสระ
เมื่อมาถึงช่วงสุดท้ายของเส้นทาง คุณจะห็นหินยักษ์สูง 7.5 เมตร กล่าวกันว่าพ่อค้าผู้ร่ำรวยจากจีนที่เดินทางจะมาที่มิโนะเพื่อชมน้ำตกอันสวยงาม กลับตื่นกลัวหินก้อนใหญ่ยักษ์จนต้องหันหลังกลับเพื่อความปลอดภัยของชีวิต แต่ไม่ต้องกลัวไป ถ้าคุณเห็นหินยักษ์นี้ก็แปลว่าใกล้จะถึงน้ำตกมิโนะแล้ว!
เมื่อคุณมาถึงน้ำตกความสูง 33 เมตรแล้ว คุณจะเห็นสะพานที่เหมาะอย่างยิ่งแก่การเป็นจุดถ่ายรูป ลองไปให้ใกล้ ๆ ดูว่าคุณจะเห็นสายรุ้งสวยงามที่ทอขึ้นจากรัศมีแสงของม่านน้ำตกหรือเปล่า ยิ่งถ้าได้มานั่งพักบนเก้าอี้ยาวด้านหน้าจะยิ่งสดชื่นมาเกที่สุด
ถ้าหากคุณอยากชมโลกสีเขียวและลุยต่อ ก็มีเส้นทางยาว 4 กิโลเมตรจากน้ำตกที่นำไปสู่วัดคึตสุโอจิ "คัตสุ" แปลว่า "คว้าชัย" ในภาษาญี่ปุ่น และกล่าวกันว่าเหล่าผู้อธิษฐานจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเสริมมงคลให้ชนะหรือขอพร
อุทยานมิโนะเป็นสุดยอดสถานที่แห่งการมาอยู่ท่ามกลางต้นไม้กับธรรมชาติ การเดินเล่นในสวนมิโนะจะทำให้คุณสดชื่นมาก และอย่าลืมแวะแช่เท้าที่สถานีก่อนกลับเมืองด้วย!
